กมธ.ทหาร ชี้คดีน้องเมย ทำสังคมตั้งคำถามถึงมาตรฐานศาลทหาร

กมธ.ทหาร ชี้คดีน้องเมย ทำสังคมตั้งคำถามถึงมาตรฐานศาลทหาร

View icon 247
วันที่ 23 ก.ค. 2568 | 12.02 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
คดี “น้องเมย” ทำสังคมตั้งคำถามถึงมาตรฐานของศาลทหาร กมธ.ทหาร มองบทลงโทษไม่เป็นไปตามสัดส่วน ปล่อยให้จำเลยรับราชการต่อ ให้ถืออาวุธ ถืออำนาจ จะเป็นเรื่องที่ปลอดภัยจริง ๆ หรือ

คดีน้องเมย นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิต หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ต.ค.60 โดยศาลทหารชั้นฎีกา มีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท ให้รอลงอาญา 2 ปีนั้น วันนี้ (23 ก.ค.68) นายชยพล สท้อนดี สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ การทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การจบลงของคดีและคำตัดสินของศาลฯ ทำให้เกิดคำถามขึ้นภายในสังคมค่อนข้างมากถึงมาตรฐานในการตัดสินของศาลทหาร ที่มีกรอบอำนาจในการพิจารณาคดีที่เกี่ยวกับบุคลากรของกองทัพ และดูเหมือนว่า ประชาชนที่เป็นผู้ขัดแย้งกับบุคลากรของกองทัพจะไม่ได้รับความยุติธรรมหรือไม่

นายชยพล  กล่าวต่อว่า คดีน้องเมย มีรูปคดีที่น่าสงสัยหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการลงโทษภายในโรงเรียนเตรียมทหาร มีการกำหนดกรอบที่ชัดเจนว่า ท่าในการลงโทษเป็นอย่างไร แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการใช้ท่านอกมาตรฐาน เช่น ท่าหัวปัก จนเกิดความสูญเสีย จากการสอบสวนต่าง ๆ ผู้บังคับบัญชาส่วนใหญ่ปฏิเสธความเกี่ยวข้อง จึงต้องขอตั้งคำถามไปยังผู้บังคับบัญชาที่มีความรับผิดชอบดูแล มีสิทธิ์ที่จะพูดด้วยหรือว่า ไม่รู้เรื่อง หรือไม่ได้เกี่ยวข้อง

“ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่กองทัพควรตระหนักรู้ว่า มาตรฐานต้องไม่ได้เขียนแค่ในกระดาษ แต่ต้องบังคับใช้อย่างเข้มงวดด้วยที่ผ่านมาเมื่อสูญเสีย กองทัพมักออกมาพูดว่า มีระเบียบที่ชัดเจน และคดีดังกล่าวก็กลับถูกไปพิจารณาในศาลทหาร เมื่อมีการทำผิดก็มีการตรวจสอบกันเอง และย้ายกันเอง จบกันเอง และไม่เคยเกิดการเรียนรู้อะไรขึ้นมา วันนี้ได้เห็นตัวอย่างแล้วว่า จำเลยไม่มีวิจารณญาณมากพอที่จะยับยั้งชั่งใจในการใช้อำนาจให้อยู่ในกรอบ จนมีผู้เสียชีวิต และยังปล่อยให้จำเลยไปรับราชการต่อ ให้ถืออาวุธ ถืออำนาจ ในนามของเจ้าหน้าที่รัฐ จะเป็นเรื่องที่ปลอดภัยจริง ๆ หรือไม่” 

ขณะที่นายเอกราช อุดมอำนวย สส.ประชาชน ในฐานะเลขานุการ กมธ.ทหาร กล่าวว่า โทษที่เกิดขึ้นไม่ได้สัดส่วน และตามกระบวนการยุติธรรม ครอบครัวของผู้เสียชีวิตไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากพระธรรมนูญ ศาลทหาร ที่ไม่เปิดสิทธิ์ให้ประชาชนผู้เสียหายสามารถฟ้องทหารได้ ต้องไปฟ้องผ่านอัยการทหาร ดังนั้นในส่วนกรรมาธิการการทหาร และพรรคประชาชน จะมีร่างกฎหมายยื่นต่อสภาชุดนี้ เพื่อแก้ไข เปิดสิทธิ์ให้ผู้เสียหายที่สามารถจะเข้าเป็นโจทก์ในคดีของศาลทหารได้

ขณะนี้มีความพยายามของกรมพระธรรมนูญ ที่พยายามดึงอำนาจตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย  หากมีการซ่อมพลทหาร หรือธำรงวินัยจนเสียชีวิตในค่ายทหาร ที่เข้าข่ายการอุ้มหาย ที่จะต้องไปขึ้นศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ กลับมาอยู่ที่ศาลทหาร ตั้งแต่กฎหมายออกมา คดีแรกได้ตัดสินเกี่ยวกับการธำรงวินัย คือกรณีการทำร้ายทหารเกณฑ์จนเสียชีวิต ลงโทษสูงสุดจำคุกถึง 20 ปี และสามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้ตามสัดส่วน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง