รัฐบาลไทยประณามกัมพูชา ยิงใส่พลเรือน

เช้านี้ที่หมอชิต - หลังจากเกิดเหตุปะทะกันที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ รักษาราชการแทนนายกฯ เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมีคณะรัฐมนตรี, ตัวแทนเหล่าทัพ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อรับทราบสถานการณ์ล่าสุด และกำหนดท่าทีของทางการไทย

โดยท่าทีของทางการไทย ยืนยันว่า กัมพูชาได้ยิงใส่ทหารไทยก่อน จนนำไปสู่เหตุการณ์บานปลาย สิ่งสำคัญ คือ การยิงของกัมพูชาใช้อาวุธหนัก และยิงเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน และเป็นการยิงที่เกี่ยวข้องกับพลเรือน ทำให้พลเรือนไทยเสียชีวิต

นายภูมิธรรม บอกว่า เจ้าหน้าที่พยายามควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ แต่ก็มีความระมัดระวังป้องกันชายแดนอย่างเต็มที่

โดยให้กระทรวงมหาดไทย อพยพคนออกจากพื้นที่ให้ไกลกว่า 50 กิโลเมตร และอยู่ในระยะที่ปลอดภัย ส่วนกระทรวงศึกษาธิการได้สั่งปิดโรงเรียนตามแนวชายแดนในพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว เช่นเดียวกระทรวงสาธารณสุขที่มีการเปลี่ยนโรงพยาบาลอำเภอบริเวณชายแดนให้เป็นโรงพยาบาลสนาม พร้อมอพยพคนไข้ที่บาดเจ็บทั้งหมดกลับไปสู่แนวหลัง

ส่วนจะมีการพูดคุยระดับ 2 ประเทศเพื่อให้เหตุการณ์ยุตินั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องให้สถานการณ์ยุติก่อน เพราะไทยไม่ได้เป็นผู้เริ่ม ถ้าแสดงความจริงใจต่อกันสามารถพูดคุยกันได้ แต่ขณะนี้รู้สึกว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายยั่วยุ ดังนั้น ต้องดำเนินการตามครรลองที่เกิดขึ้น

สอดคล้องกับท่าทีของพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุเมื่อช่วงเช้าวานนี้ว่า "ถ้าถึงขั้นนี้ก็คงไม่คุยกันแล้ว" โดยขอให้ประชาชนคนไทยมั่นใจว่า กองทัพไทยจะปกป้องอธิปไตย ไม่ให้ใครมาล่วงล้ำดินแดนได้เป็นอันขาด

ด้านศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ "ศบ.ทก." แถลงไล่เลียงไทม์ไลน์เหตุปะทะชายแดนไท โดยยืนยันว่าทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนใกล้ปราสาทตาเมือนธม ก่อนขยายการปะทะไปอีก 6 จุด และมีการใช้อาวุธหนัก เช่น จรวด BM21 และปืนใหญ่ขนาด 122 มิลลิเมตร ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชนไทย

ด้านกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด ต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชาที่ละเมิดอธิปไตยของไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงจงใจมีการกระทำเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อประเทศไทย  พร้อมเรียกร้องให้ยุติการกระทำ รวมถึงรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยุติการโจมตีเป้าหมายทางทหาร-พลเรือน รวมถึงยุติการละเมิดอธิปไตยของไทยโดยทันที

ขณะที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เชื่อว่าทั่วโลกจะประณามกัมพูชาที่เป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน พร้อมส่งกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่

สำหรับข้อมูลตัวเลขของผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจากเหตุการณ์ ซึ่งอัปเดตอย่างเป็นทางการล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุขเมื่อเวลา 21.00 น. พบพลเรือนบาดเจ็บ 32 ราย ทหารบาดเจ็บ 14 นาย ส่วนผู้เสียชีวิต มีพลเรือน 13 ราย และทหาร 1 นาย