เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อวานนี้เวลา 15.00 น. ตามเวลาในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ผู้นำของรัฐบาลไทย และ กัมพูชา ได้พูดคุยหารือกันเป็นครั้งแรก หลังจากเกิดเหตุปะทะกันบริเวณแนวชายแดน และมีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงทันที ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่ทั้ง 2 ประเทศก้าวเข้าสู่สันติภาพอีกครั้ง หลังปะทะกันต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 5
ไทย-กัมพูชา บรรลุข้อตกลงหยุดยิง
การหารือระหว่าง 2 ประเทศจัดขึ้นโดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เป็นผู้ประสานงาน รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ ซึ่งบรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี และจากนั้นในเวลา 17.00 น. ได้มีการแถลงถึงรายละเอียดข้อตกลง
โดยประเด็นสำคัญ คือ ทั้ง 2 ประเทศได้ตกลง "หยุดยิงทันที และไม่มีเงื่อนไข" ตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะนำไปสู่การลดทอนความรุนแรง ฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคง
นอกจากนี้ยังจัดให้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้บังคับบัญชาทางทหารในพื้นที่ ระหว่างกองทัพภาคที่ 1 และ 2 ของไทย กับกองทัพภาคที่ 4 และ 5 ของกัมพูชา ในวันนี้ (29 ก.ค.) เวลา 07.00 น. จากนั้นจะมีการประชุมผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร โดยมีอาเซียนเป็นผู้จัด หากได้รับความเห็นพ้องของทั้ง 2 ประเทศ
และจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ "จีบีซี" ในวันที่ 4 สิงหาคม โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ
ในการพูดคุยข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้ นอกเหนือจะมีประธานอาเซียนเป็นผู้อำนวยความสะดวกแล้ว ยังมีผู้แทนจากสหรัฐฯ และจีนเข้าร่วมด้วย
ซึ่งหลังจากที่มีการแถลงข่าวข้อตกลงหยุดยิงจากทั้งไทย และกัมพูชา ปรากฏว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" ผู้นำสหรัฐฯ ได้โพสต์ผ่าน "truthsocial" แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ ประกาศว่าทั้ง 2 ประเทศได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง และข้อตกลงสันติภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พร้อมกับประกาศว่า "การยุติสงครามครั้งนี้ช่วยชีวิตผู้คนไปนับพันราย และได้สั่งการทีมการค้าเริ่มต้นเจรจาการค้าอีกครั้ง และในช่วงเวลาเพียง 6 เดือนสามารถยุติสงครามได้หลายแห่ง ผมภูมิใจที่ได้เป็นประธานาธิบดีแห่งสันติภาพ"
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ตอบคำถามกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก ของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย โดยประเด็นสำคัญ คือ จีนยึดมั่นใจจุดยืนที่เป็นกลาง และเป็นธรรม แก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธีด้วยการเจรจา และปรึกษาหารือ รวมถึงฟื้นฟูสันติภาพ และเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดนโดยเร็วที่สุด
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้บินกลับมาถึงไทย แต่ยังไม่ได้ลงเครื่องฯ เพราะได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เป็นเวลา 30 นาที
หลังจากนั้นได้ให้สัมภาษณ์สื่อฯ โดยบอกว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โทรมาแสดงความชื่นชมยินดีว่า เป็นความกล้าหาญของประเทศไทย ที่เปิดใจทำให้เป็นตัวอย่างในการรักษาสันติภาพให้เกิดขึ้นกับประเทศ และชื่นชมสิ่งที่เราทำว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ประเทศในการร่วมมือครั้งนี้ โดยเรื่องนี้จะทำให้ประชาคมโลกชื่นชมประเทศไทยที่หยุดการกระทำรุนแรง และทำให้ประชาชนไทยไม่เกิดความสูญเสียมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะเริ่มพูดคุยเจรจาทางภาษี สิ่งนี้เป็นประโยชน์กับประเทศไทย ซึ่งสหรัฐฯ จะทำให้ดีที่สุด และดูแลเรื่องนี้ให้มากเท่าที่ทำได้ ขณะที่นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ก็ชื่นชมไทยในการแก้ปัญหาเรื่องนี้
หลังจากนั้นสื่อฯ ได้ซักถามนายภูมิธรรมฯ โดยเฉพาะประเด็นเมื่อตกลงหยุดยิง แต่ยังมีการยิงกันอยู่จะทำอย่างไร
นายภูมิธรรมฯ พูดสวนในทันทีว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเที่ยงคืนต้องรอให้ถึงเที่ยงคืน เวลานี้ยังมีการต่อสู้ต่อเนื่อง แม้คุยกันจบแต่ยังมีการรบที่ติดพัน
อีกประเด็นสำคัญคือ แม้ตกลงหยุดยิง แต่ทหารกัมพูชายังอยู่ในพื้นที่ของไทยที่ปราสาทตาควายจะต้องมีการผลักดันออกหรือไม่
นายภูมิธรรม บอกว่า ให้ผู้นำทางทหารทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยกันในรายละเอียด ซึ่งขณะนี้ได้ติดต่อกันอยู่แล้ว และจะมีการหารือกันอีกครั้งในช่วง 07.00 น.
กต.ยืนยันเวทีหารือหยุดยิง ไม่มีคุยปมเขตแดน
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาอีกครั้ง โดยเป็นการเน้นย้ำผลการหารือข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทย - กัมพูชา พร้อมระบุว่า การประชุมพิเศษครั้งนี้ มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ร่วมจัด และสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน เพื่อส่งเสริมการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยสถานการณ์หลังข้อตกลงหยุดยิงว่า จะมีคณะผู้สังเกตการณ์มาเป็นสักขีพยานในเข้าตรวจสอบการหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงจะมีการประชุม "GBC" ในวันที่ 4 สิงหาคม ก่อนที่ในเดือนกันยายนจะมีการประชุม "JBC" อีกครั้งเพื่อหารือความร่วมมือต่าง ๆ
นอกจากนี้จุดยืนสำคัญที่ทางกระทรวงการต่างประเทศต้องการจากกัมพูชา ต้องการเห็นความสุจริตใจจากฝ่ายกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยุติการโจมตีเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายที่เป็นพลเรือน
รวมถึงการหยุดยิงจะต้องอยู่บนพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
อีกประการ คือต้องมีการหารือรายละเอียด และขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การจำกัดอาวุธทุกประเภท, การยุติการวางระเบิด, การไม่เพิ่มกำลังพลเข้าไปในพื้นที่ รวมถึงยุติการคุกคาม และยั่วยุ
ซึ่งหลังจากนี้หน่วยงานในพื้นที่จะทำหน้าที่ติดตาม และตรวจสอบให้เกิดผลจริงในทางปฏิบัติ
จับตารัฐบาลประชุมประเมินสถานการณ์
หลังจากนี้ต้องจับตาท่าทีของรัฐบาลอีกครั้ง เพราะมีรายงานว่าในเวลา 06.00 น. ได้มีการประชุมประเมินสถานการณ์
ขณะที่ในเวลา 09.30 น.จะมีการประชุมคณะกรรมการ ศบ.ทก. ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ รวมถึงนายภูมิธรรมฯ จะรายงานผลการหารือหยุดยิงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้ มีรายงานว่าเมื่อเวลา 20.00 น.ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการเหล่าทัพได้ประชุมอย่างไม่เป็นทางการวงเล็ก เพื่อประเมินสถานการณ์ เบื้องต้นคาดว่าเป็นการเตรียมข้อเสนอที่จะนำไปพูดคุยในช่วงเช้าวันนี้ระหว่างแม่ทัพทั้ง 2 ฝ่าย