ห้องข่าวภาคเที่ยง - เมื่อคืนนี้ ยังเป็นอีกคืนที่ "โดรน" นับ 10 ลำ บินเต็มท้องฟ้า จังหวัดสุรินทร์ และไม่ได้มีแค่ "โดรน" บินอย่างเดียว แต่สุนัขยังหอนระงม
"โดรน" บินเต็มท้องฟ้าอีกแล้ว ประชาชนหลายพื้นที่ถ่ายภาพไว้ได้ในเขตตัวเมืองสุรินทร์ ทั้งบริเวณศูนย์พักพิงชั่วคราว ศูนย์ราชการ และในพื้นที่อีกหลายตำบล ตั้งแต่ 21.00 น. ถึงเที่ยงคืน บางจุดพบว่าโดรนบินด้วยความเร็วสูง ซึ่งฝ่ายความมั่นคงและทางจังหวัดได้รับรายงาน และจัดชุดลาดตระเวนลงพื้นที่ตรวจสอบทันที
ส่วนเรื่องเสียงสุนัขหอน ปกติแล้วสัญชาติญาณของสุนัข เวลามีตัวหนึ่งหอน ก็มักจะหอนรับกันเป็นทอด ๆ ซึ่งถ้าดูจากในเพจฯ "Army Military Force" ก็มีระบุเหมือนกันว่า เมื่อคืนช่วง 23.40 น. ถึง 01.00 น.กว่า ๆ มีเสียงสุนัขหอนพร้อมกันทั้ง 2 จังหวัดชายแดนกัมพูชา กินระยะเวลานานสุด 95 นาที เสียงหอนดังเป็นทอด ๆ มาพร้อมกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง จนชาวบ้านต้องเอาเครื่องเซ่นไหว้มาตั้งหน้าบ้านกันเลยทีเดียว
ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ฝากข้อสังเกตว่า ถ้าเป็น "ผีโพง" กลางวันจะเป็นเหมือนคนธรรมดา แต่กลางคืนจะมีดวงไฟที่รูจมูก จะกินของสด และคาว เช่น กบ เขียด ศพ และรกเด็กเกิดใหม่
ส่วน "โดรน" สังเกตง่าย ว่าจะมีแสงไฟ 4 จุด บินเหนือพื้นที่ 90 เมตร และเครื่องบินจะเห็นไฟ 3 จุด ซึ่งจะบินเหนือพื้นดินไม่ต่ำกว่า 3,000 เมตร พร้อมข้อความปิดท้ายว่า "ชัวร์ก่อน โทร."
อีกจุดในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์เมื่อคืนนี้ มีเจ้าหน้าที่ไปพบ "โดรน" ขนาดใหญ่ 1 ลำ ที่บ้านหนองกง ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ ตอนแรกคาดว่าเจ้าหน้าที่ไทยสกัดร่วง และถูกกองทัพเก็บไปตรวจสอบ เพราะลักษณะเหมือนโดรนตรวจการณ์ทางยุทธวิธี
แต่จากนั้นไม่นานก็มีข้อสรุปว่า เป็นอากาศยานไร้คนขับของฝั่งไทย ที่มาลงจอดฉุกเฉินเท่านั้น และต่อมา พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ก็ชี้แจงเรื่องนี้อีกทีว่าเป็น "โดรน" ของฝ่ายทหารไทย ที่นำขึ้นบินตรวจการณ์ และทดสอบระบบ แต่ต้องนำลงเร่งด่วน เพราะปัญหาสภาพอากาศเมื่อคืนนี้
ส่วนอีก 2 จังหวัด ที่พบ "โดรน" เหมือนกันเมื่อคืนนี้ แต่เป็นการพบแบบงง ๆ ว่ามาได้อย่างไร โดยที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชาวบ้านคลองหลวงแพ่ง ถ่ายเก็บภาพไว้ได้ 4 ลำ บินวนรอบพื้นที่ก่อนจะบินข้ามไปยังฝั่งลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพฯ บินมาแบบนี้ 2 คืนแล้ว
และที่ ตำบลเนินหอม ในตัวอำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยพบเกือบ 10 ลำ บินผ่าน ใกล้พื้นที่ตั้งของกำลังทหารในพื้นที่ ซึ่งก็ยังไม่รู้ที่มาที่ไปเหมือนกัน
