เช้านี้ที่หมอชิต - กองทัพอากาศ ยืนยัน เป็นข่าวปลอม หลัง กัมพูชา อ้าง ระเบิด MK-84 เป็นของไทย
เพจกองทัพอากาศ ออกมาโต้ข้อกล่าวหาของ นายเฮง รัตนา ผอ.ศูนย์เก็บกู้ทุ่นระเบิดกัมพูชา หรือ CMAC ที่อ้างว่า ระเบิด MK-84 ขนาด 1 ตัน ที่ตกอยู่ฝั่งกัมพูชา ผลิตในปี 2539 จากประเทศอิสราเอล และเป็นของกองทัพอากาศไทย
ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นข่าวปลอม เพราะคำกล่าวอ้างดังกล่าว ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด
1.กองทัพอากาศ ไม่ได้จัดซื้อระเบิดจากแหล่งที่กล่าวอ้าง
2.กองทัพอากาศ จัดซื้อยุทโธปกรณ์จากพันธมิตรที่ได้รับการรับรองผ่านความร่วมมือทางกลาโหมเท่านั้น
3.การพิสูจน์หลักฐานควรผ่านการตรวจสอบจากองค์กรที่เป็นกลาง และมีความน่าเชื่อถือในดับระดับสากล
4.การปฏิบัติการทางอากาศของกองทัพอากาศไทย เป็นการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎบัติสหประชาชาติ มาตรา 51 และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และหลักความชอบธรรมตามสิทธิป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด
ซึ่ง กองทัพอากาศ ขอให้ทุกฝ่ายใช้ข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบทางเทคนิคจากองค์กรที่เป็นกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการบิดเบือนข้อมูลในห้วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กของ นายเฮง รัตนา ผอ.ศูนย์เก็บกู้ทุ่นระเบิดกัมพูชา โพสต์อ้างว่า ข้อมูลการตรวจสอบดังกล่าวมาจากผู้เชี่ยวชาญวัตถุระเบิดจากนานาชาติ คือ มูลนิธิเพื่อมนุษยธรรมโกลเด้นเวสท์ (Golden West Humanitarian Foundation - GWHF) และองค์การช่วยเหลือประชาชนแห่งนอร์เวย์ (Norwegian People’s Aid – NPA)
ยืนยันเช่นกันว่า ระเบิดลูกนี้ถูกผลิตในปี 1996 และไม่ได้ตกค้างจากยุคสงครามอินโดจีน ระหว่างปี 1970-1973 แต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ สื่อหลักของกัมพูชาเอง ก็ประโคมข่าวนี้ และทางเพจ Army Military Force - สำรอง ก็โพสต์โต้กลับทันควัน ระบุว่า เป็นภาพขุดพบระเบิดเก่าตกค้างที่สหรัฐฯ ทิ้งใส่กองกำลังเวียดนามเหนือและเวียดกงในกัมพูชา สมัยสงครามเวียดนาม ราวปี 1970-1973 ภายใต้ชื่อปฏิบัติการฟรีดอมดีล (Operation Freedom Deal) อนุมัติโดยประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน แต่กลับนำมาบิดเบือนและปั่นกระแสว่าเป็นระเบิด MK-84 ขนาด 1 ตัน ที่ไทยทิ้งใส่กัมพูชา
โฆษกกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี เชื่อว่า สังคมโลกจะเข้าใจเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมา กัมพูชา พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงมาอย่างต่อเนื่อง และไม่มีความจริงใจต่อการเก็บกวาดทุ่นระเบิด บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลายพื้นที่พบมีความล่าช้ากว่ากำหนดเวลามาตลอด
ขอบคุณภาพจาก : Facebook HENG Ratana, Army Military Force
