นายเสริมชัย เซียวศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 เปิดเผยถึงแนวทางการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำในภาคกลางว่า จากข้อมูลคาดการณ์สถานการณ์น้ำในช่วงเดือน ส.ค. – ต.ค. 68 มีแนวโน้มปริมาณฝนจะสูงกว่าค่าปกติ 11% และปริมาณฝนสะสมทั่วประเทศสูงกว่าปกติ 15% ซึ่งอาจส่งผลกระทบได้ โดยปีที่ผ่านมา สำนักงานชลประทานที่ 10 ได้จัดให้มีการประชุมใกล้ชิดกับชาวบ้านในพื้นที่ลุ่มต่ำ 6 แห่ง และเมื่อน้ำหลากมา เกษตรกรในพื้นที่เก็บเกี่ยวข้าวหมดแล้ว พร้อมทั้งยินยอมให้นำน้ำเข้าทุ่ง จึงทำให้สามารถตัดยอดน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้กว่า 200 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 50% ของน้ำทุกทุ่งในภาคกลางที่จะรับได้ อีกทั้งยังไม่ส่งผลกระทบกับชาวบ้าน พร้อมทั้งน้ำในทุ่งสามารถช่วยเตรียมแปลงให้เกษตรกรได้เร็วขึ้น และทำให้เกษตรกรสามารถปลูกข้าวได้เร็วขึ้นหลังสิ้นสุดฤดูฝน

ด้าน นายสมบุญ พูลผล เลขากลุ่มบริหารการใช้น้ำบ้านหนองมน ต.บ้านหลวง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี ซึ่งปลูกข้าวอยู่ในทุ่งบางกุ่ม บอกว่า ขณะนี้กำลังเร่งเกี่ยวข้าวให้เสร็จ และเตรียมแปลงนาไว้รองรับน้ำเหนือที่กำลังจะหลากมา การบริหารจัดการน้ำในทุ่งร่วมกันกับสำนักงานชลประทานที่ 10 ช่วยให้เกษตรกรไม่เสียหาย เพราะสามารถวางแผนการเพาะปลูกได้ล่วงหน้า ทุ่งบางกุ่มมีพื้นที่ประมาณ 83,000 ไร่ และพร้อมที่จะพักดินและรับน้ำในเดือน ส.ค. – ต.ค. เพื่อชะลอน้ำไม่ให้หลากท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งน้ำที่นำมาเก็บไว้ในทุ่งสามารถช่วยให้เกษตรกรลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้ 50% แต่มีผลผลิตไร่ละประมาณ 1,000 กิโลกรัม จากการทำนาปรังปีละ 2 รอบ ขณะที่ก่อนหน้านี้ทำนาปีได้เพียงปีละครั้ง แต่ได้ผลผลิตต่ำกว่าถึงเท่าตัว

ขณะที่ นายสุประวัติ ชยาทิกุล ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 10 กล่าวว่า สำนักงานชลประทานที่ 10 มีพื้นที่ลุ่มต่ำจำนวน 6 แห่ง จากจำนวนทุ่งทั้งหมดของกรมชลประทาน 11 แห่ง คิดเป็นพื้นที่ทั้งหมด 280,591 ไร่ คิดเป็นปริมาณน้ำกักเก็บ 503 ล้านลูกบาศก์เมตร ได้แก่ ทุ่งเชียงราก, ทุ่งท่าวุ้ง, ทุ่งฝั่งซ้ายคลองชัยนาท-ป่าสัก, ทุ่งบางกุ้ง ทุ่งบางบาล-บ้านแพน และ ทุ่งบางกุ่ม ซึ่งเป็นทุ่งที่ใหญ่ที่สุดใน 6 แห่ง และได้ดำเนินการจัดทำประชาคมพื้นที่ลุ่มต่ำทั้ง 6 แห่ง ก่อนที่จะถึงช่วงที่น้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นประจำทุกปี โดยจัดประชุมร่วมกับเกษตรกร ผู้เกี่ยวข้อง กลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ของแต่ละพื้นที่ลุ่มต่ำ

นายสุประวัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากการเตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือและบุคลากรแล้ว สำนักงานชลประทานที่ 10 ยังได้ให้ความสำคัญกับการบูรณาการทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้ใช้น้ำในพื้นที่ สอบถามความยินยอมในการรับน้ำเข้าทุ่งของเกษตรกรล่วงหน้า และการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนและเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที และหวังว่าการเตรียมการทั้งหมดนี้จะช่วยลดผลกระทบและความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมที่จะเกิดขึ้นได้