บิ๊กเล็ก ขอบคุณประชาชนชายแดน รอคุยวง GBC บี้กัมพูชา รับข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด-ปราบแก๊งคอลฯ

บิ๊กเล็ก ขอบคุณประชาชนชายแดน รอคุยวง GBC บี้กัมพูชา รับข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด-ปราบแก๊งคอลฯ

View icon 118
วันที่ 8 ส.ค. 2568 | 12.21 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“บิ๊กเล็ก” เผยวงจีบีซี กัมพูชาให้ความร่วมมือดี บางข้อตกลงไม่ยอมรับ รอคุยวง GBC ให้ยอมเก็บกู้ระเบิด-ปราบแก๊งคอลฯ ชี้ เรื่องทุ่นระเบิด เขมรหวังใช้ป้องกันตัวเอง

วันนี้ (8 ส.ค.68) พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย - กัมพูชา (GBC) ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งอาเซียนทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ โดยปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน ไม่เข้ามาแทรกแซง ขณะที่การพูดคุยยังมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทยที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด

เมื่อถามว่า จะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พล.อ. ณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม คือ ความเป็นผู้มีวุฒิภาวะ โดยประเทศไทยจะแสดงถึงความเป็นผู้มีวุฒิภาวะ ดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศ และปฏิบัติตามความเห็นร่วมกันของนานาชาติ ซึ่งจะเป็นกรอบประเมินควบคุมการปฏิบัติงานของฝ่ายกัมพูชาว่า จะดำเนินการขัดต่อกฎหมาย หรือ อนุสัญญานานาชาติหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวประเมินกัมพูชาใน 3 ขั้น คือ การประชุม GBC ในชั้นเลขานุการถือว่ากัมพูชาให้ความร่วมมือกับไทยเป็นอย่างดี แม้จะมีบางข้อที่ไม่ยอมรับ และบางข้อที่กัมพูชาเสนอมาไทยก็ไม่ยอมรับเช่นกัน เช่น ไทยเสนอประเด็นการเก็บกู้วัตถุระเบิด รวมถึงการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แต่กัมพูชาก็ปฏิเสธ

ขั้นที่ 2 จะประเมินจากการประชุม GBC แบบเต็มคณะ ที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้ลงนามตกลงกับกัมพูชา โดยจะยึดถือตามเอกสารที่ลงนามกัน และขั้นที่ 3 คือ จะประเมินขั้นตอนการปฏิบัติ ซึ่งขั้นตอนนี้จะมีกลไกกำกับ คือ กลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC และจากนั้นอีก 1 เดือนจะเข้าสู่การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย - กัมพูชา หรือ JBC

พล.อ.ณัฐพล ยังย้ำว่า ปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาครั้งนี้ จะใช้ผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ซึ่งเป็นผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนที่ประจำอยู่ในประเทศไทย ดังนั้น จะไม่มีการนำกำลังจากนอกประเทศเข้ามาประเทศไทย ขอให้ประชาชน และสื่อมวลชนสบายใจได้ พร้อมย้ำว่า กลไกกำกับเหตุการณ์ครั้งนี้มีอยู่ 3 ระดับ หรือ RBC , GBC และคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวจากอาเซียน ซึ่งอาจมาไม่ครบทุกประเทศ รูปแบบจะคล้ายกับการนำคณะทูตทหารลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริงที่จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กลไก GBC และศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา (ศบ.ทก.) มีทีมกฎหมายดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งตนจะทำในสิ่งที่อยู่ในกรอบกฎหมาย แต่หากเกินอำนาจจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ย้ำว่าการดำเนินการของ ศบ.ทก.จะไม่อยู่นาน แต่สถานการณ์ปัจจุบันรัฐบาลยังคงเป็นห่วง จึงอยากให้ ศบ.ทก. ช่วยดำเนินการไปก่อน เมื่อถึงเวลาจะเสนอจบภารกิจ และล่าสุด เพื่อความปลอดภัยในแง่ของกฎหมาย จะแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัว โดยมีเลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกา เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อช่วยดูสิ่งที่ดำเนินการต่าง ๆ ว่า ต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างไร รวมถึงจะแต่งตั้งที่ปรึกษา ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านทหาร กฎหมาย แผนที่ ประวัติศาสตร์ อีกประมาณ 8 คน เพราะมองว่างานในข้างหน้า ลำพังกลไก GBC หรือ ศบ.ทก. จะเกินกำลัง ดังนั้น ต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญมาช่วยงานในสิ่งที่ควรดำเนินการต่อไป

พล.อ.ณัฐพล ยังระบุว่า ได้รับทราบถึงปัญหาประชาชนในพื้นที่ชายแดนที่ต้องการกลับบ้านแล้ว และห่วงเรื่องผลผลิตทางการเกษตร จึงได้ประสานแม่ทัพภาคที่ 2 ให้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด 4 ชายแดน เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่เพื่อความปลอดภัยขอความร่วมมือให้อยู่ในศูนย์พักพิงก่อน พร้อมขอบคุณน้ำใจประชาชน 4 จังหวัดชายแดน ที่แม้จะมีความเดือดร้อน ไม่เคยพูดตัดพ้อ ศบ.ทก. หรือ คณะกรรมการ GBC แต่อย่างใด แต่ส่วนตัวทราบว่าประชาชนเดือดร้อนมาก จึงขอบคุณความอดทนอดกลั้นของประชาชน และจะพยายามคลี่คลายสถานการณ์ให้เป็นไปตามลำดับ

ทั้งนี้ ในพื้นที่สามารถประเมินและตัดสินใจให้ประชาชนกลับบ้านได้เองโดยไม่ต้องรายงานต่อที่ประชุม ศบ.ทก. รับทราบ แต่ขณะนี้ฝ่ายทหารยังเป็นห่วงเรื่องระเบิดที่ตกค้างในพื้นที่ มีบางลูกยังไม่ระเบิด กังวลว่าประชาชนจะไม่ปลอดภัย แม้ว่ามีชุด EOD ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมาช่วยเก็บกู้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีที่ยังไม่ได้ตรวจสอบอีก ดังนั้น ฝ่ายทหารต้องประเมินอีกครั้ง เมื่อทหารและตำรวจมั่นใจแล้วก็จะส่งกลับบ้าน และย้ำว่าจุดที่จะทำลายระเบิดใกล้แนวชายแดนประสานกับกัมพูชาแล้ว เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด ส่วนผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว จันทบุรี ตราด ที่เดือดร้อน ขอให้อดทนอีกนิด เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว จะผ่อนปรนมาตรการตามลำดับ

ส่วนที่กัมพูชาไม่รับข้อเสนอ 2 ข้อนั้น ไม่ได้ให้เหตุผล แต่ทราบได้ว่ากัมพูชายังคงอาศัยเรื่องทุ่นระเบิดเป็นเครื่องป้องกันกำลังของตนเองที่ดำรงอยู่ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่ากัมพูชาก็ไม่ไว้ใจไทย และไทยก็ไม่ได้ไว้ใจกัมพูชา ดังนั้น การบรรลุข้อตกลงในเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว และเหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้ ซึ่งไทยจะหยิบยก 2 ประเด็นนี้นำไปหารือในที่ประชุม GBC ในครั้งต่อไป และจะพูดต่อไปเรื่อยเรื่อยจนกว่ากัมพูชาจะยอมรับ ซึ่งไทยได้พูดให้นานาชาติรับทราบแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง