“เชตวัน” สส.ปทุมฯ พรรคประชาชน อภิปรายเดือดงบกระทรวงกลาโหม ชี้ ตั้งงบฯ รถประจำตำแหน่ง แต่! งบฯ ลวดหนามหีบเพลงต้องขอบริจาค
วันนี้ (14 ส.ค.68) พรรคประชาชน เผยแพร่ เนื้อหาการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2569 วาระ 2 ในมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม ของนายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน โดยนายเชตวัน ระบุ
“งบประมาณที่ใช้ไปกับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนรถประจำตำแหน่งของนายทหาร กับงบประมาณที่กองทัพใช้ไปกับการจัดซื้อหายุทโธปกรณ์เพื่อดูแลสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ของกองทัพบก
เรื่องรถประจำตำแหน่ง สำหรับทหารระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ปลัดกระทรวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นพอที่จะเข้าใจได้ เพราะมีภารกิจเยอะแยะ ต้องเดินทางไปนั่นมานี่ เพื่อความสะดวกก็ต้องมีรถ มีคนขับ โดยในอดีตมีรถประจำตำแหน่งให้กับระดับปลัดกระทรวง อธิบดี รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเทียบเท่ากับอธิบดี ต่อมารัฐราชการก็เติบโตขยายใหญ่ เพิ่มรถประจำตำแหน่งให้กับระดับรองอธิบดีด้วย
ลำพังในส่วนราชการ กระทรวงต่างๆ 20 กระทรวง มีปลัดกระทรวงละ 1 คน มีอธิบดีและรองอธิบดีแต่ละกรม รวมแล้วก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 200 คน แต่ปัญหาอยู่ที่พอไปเทียบกับกองทัพ ปริมาณคนที่จะได้รถประจำตำแหน่งจะเยอะมาก คือ ตำแหน่งพลโทและพลเอก เทียบเท่าปลัดกระทรวง, ตำแหน่งพลตรี เทียบเท่าอธิบดี และตำแหน่งพันเอกพิเศษ เทียบเท่ารองอธิบดี โดยในส่วนของนายทหารระดับพันเอกพิเศษที่มีตำแหน่งเทียบเท่าระดับ “รองเจ้ากรม” นั้น แต่ละเหล่าทัพทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กองบัญชาการกองทัพไทย สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม มีอยู่เยอะมาก ห่างกันลิบลับกับส่วนราชการทั่วไป
จำนวนนายทหาร รวมถึงข้าราชการที่อยู่ในชั้นที่จะได้รถประจำตำแหน่งนั้น ในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งเห็นว่าเป็นภาระที่รัฐต้องซ่อมรถเหล่านี้ให้ท่านๆ เหล่านั้นด้วย จึงมีการปรับเปลี่ยนเป็น “ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถยนต์ประจำตำแหน่ง” คือไม่ต้องเอารถประจำตำแหน่งแล้ว เอาเงินแต่ละเดือนไปเลย โดยอัตราคือ พลโท - พลเอก จำนวน 41,000 บาท, พล.ต. 31,800 บาท และพันเอก พิเศษ 25,400 บาท
ในปีงบประมาณ พ.ศ.2569 เฉพาะของกองทัพบก มีรายการค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถยนต์ประจำตำแหน่ง จำนวน 240,393,600 บาท ยอดนี้มาจากจำนวนนายทหารแต่ละระดับชั้นรวม 704 นาย ซึ่งโครงการนี้ในเอกสารระบุผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ กำลังพล ทบ. ได้รับสิทธิกำลังพลขั้นพื้นฐานตามระเบียบของกระทรวงการคลัง ซึ่งตรงนี้ไม่เถียง หากแต่ระเบียบที่เป็นอภิสิทธิ์แบบนี้มันแก้ไขได้ ยิ่งในสถานการณ์บ้านเมืองที่มีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาแบบนี้
เพราะถ้าเราไปเทียบกับการจัดหายุทโธปกรณ์เพื่อใช้ในภารกิจป้องกันชายแดนของกองทัพบกนั้น จัดงบประมาณน้อยกว่าค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถยนต์ประจำตำแหน่งเสียอีก ใช้เงิน 150 ล้าน จากการจัดหาเพียงแค่ 3 รายการ คือ ระบบโดรนตรวจตรา 1 ระบบ ใช้ที่ผามออีแดง ปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ, อีก 1 ระบบ ใช้ที่ปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ และมีระบบบัญชาการอีก 1 ระบบ ที่กองบัญชาการกองทัพบก คำถามคือแค่อย่างละ 1 ระบบเองหรือในสถานการณ์เช่นนี้
หรือแม้แต่โครงการจัดหาสิ่งอุปกรณ์ของหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธ ที่จะทำให้ทหารชั้นผู้น้อยไม่ต้องไปเสี่ยงภัย ก็จัดหาหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดแค่ชุดเดียว เครื่องเอ็กซเรย์แบบเคลื่อนที่ ควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ก็จัดหาแค่ 1 เครื่อง
นี่คือชีวิตที่เป็นขั้วตรงข้ามกันระหว่างนายทหารระดับสูง กับ ทหารชั้นผู้น้อย
รถหรู-ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนรถหรู เป็นสิ่งที่รัฐจัดสรรให้นาย
ส่วนข้าวของ อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ ที่ทหารชั้นผู้น้อยจำเป็นต้องใช้ กลับเป็นสิ่งที่ต้องเปิดรับบริจาค
ยิ่งกรณี “ลวดหนามหีบเพลง” ที่เป็นข่าวล่าสุด กองทัพบกออกมาชี้แจงว่ามีเงินมีงบฯ แต่เพราะความจำเป็นเร่งด่วนจึงต้องขอรับการสนับสนุน ทั้งที่กรณีเข้าเงื่อนไขมูลค่าไม่ถึง 5 แสนบาท สามารถจัดซื้อเร่งด่วน ใช้วิธีเฉพาะเจาะจงได้ ส่วนเรื่องงบประมาณ หน่วยงานก็มีงบกลาง งบฉุกเฉินอยู่แล้ว นำมาใช้ได้ จึงต้องตั้งคำถามว่าที่รับบริจาคอยู่นั้นคืออะไร? เราจะอยู่กันแบบนี้จริงหรือ
ตนยืนยันว่าค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนรถประจำตำแหน่งนั้น สามารถตัดออกได้อีก”