เช้านี้ที่หมอชิต - หลังจากหารือต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 2 สำหรับ พรรคประชาชน เพื่อกำหนดจุดยืนให้ชัดเจนว่า "จะเลือกนายกฯ จากพรรคภูมิใจไทย" หรือ "จะงดออกเสียง" หรือ "จะเลือกนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย" แต่เมื่อวานยังไม่ได้ข้อสรุป
โดยภายหลังจากการหารือ แกนนำของพรรค ได้ออกมาแถลงรายละเอียดว่า ยังไม่มีมติใด ๆ ออกมา มีเพียงการรับฟังความเห็นของ สส. รวมถึงเปิดรับฟังทุกองคาพยพของพรรคทั่วประเทศ ซึ่งในวันนี้ (3 ก.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่าจะโหวตนายกฯ คนใด โดย สส. ในพรรคต่างเข้าใจดีว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่าย และทุกคนเข้าใจว่าไม่ใช่การเลือกนายกฯ ที่ดีที่สุด แต่เป็นการเลือกนายกฯ เพื่อนำไปสู่การยุบสภาฯ และการแก้รัฐธรรมนูญ
มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ในระหว่างแถลงข่าว นายพริษฐ์ ย้ำว่า ความจริงใจเป็นสิ่งที่ สส. และประชาชนหลายคนใช้ในการประเมิน ส่วนการออกแบบกลไกให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยรักษาสัญญา ในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน สามารถใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจล้มรัฐบาลที่เบี้ยวได้
อย่างไรก็ตาม นายพริษฐ์ ระบุว่า ถ้าประเมินความไว้เนื้อเชื่อใจ ขอพูดตรง ๆ ว่า "ไม่ไว้ใจทั้งคู่" แต่ต้องประเมินความเสี่ยงว่าแนวทางใดมมีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ยืนยันว่าเป็นการตัดสินใจด้วยเหตุผล และไม่มีการนำความแค้น หรืออารมณ์มาตัดสิน เพราะตระหนักว่ากว่าจะมายืนในจุดนี้ได้นั้นมาจากความไว้วางใจจากประชาชน 14 ล้านคน จึงจะไม่ทำในสิ่งที่ขัดหลักการ หรือผิดคำพูด หรือไม่ได้ประโยชน์สูงสุดของประเทศ
ล่าสุดวันนี้ (3 ก.ย.) ในเวลา 09.30 น. ที่อาคารรัฐสภา พรรคประชาชน เตรียมแถลงข่าวผลการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ในการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32
ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียด และเหตุผลสำคัญในการตัดสินใจดังกล่าว ภายใต้ 3 เงื่อนไข
1. นายกฯ คนใหม่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง สส. เป็นการทั่วไป
2. คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว ทั้งนี้ต้องไม่เกินไปกว่าวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง สส.
3. พรรค ปชน. ยืนยันทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคไปเป็นรัฐมนตรีใน ครม.