ชาวบ้านชายแดน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ จำไม่ลืม เมื่อ 40 กว่าปีก่อน เคยถูกเขมรแดงเข้ามาปล้นสะดม จุดไฟเผาตลาดนิคมบ้านกรวด ทำให้มีทรัพย์สินเสียหาย คนตายหลายชีวิต
(4 ก.ย.68) ชาวบ้านสายโท 1 ใต้ ตำบลปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้พาทีมข่าวไปดูบริเวณสวนยางพาราท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่ประชาชนชาวกัมพูชาเกือบหมื่นคน หนีภัยสงครามกลุ่มเขมรแดงสู้รบกับกองกำลังเวียดนาม เมื่อกว่า 40 ปีก่อน ประมาณปี พ.ศ.2526 เข้ามาลี้ภัย
โดยยุคสมัยนั้นพื้นที่บริเวณนี้มีสภาพเป็นสวนยูคาลิปตัส และป่ารกทึบ แต่ชาวกัมพูชาที่เข้ามาลี้ภัย ได้แผ้วถางป่าสร้างเป็นเพิงพักอาศัยจำนวนหลายหลัง ซึ่งชาวกัมพูชาได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลา 3 – 4 เดือน แม้ชาวกัมพูชาที่ลี้ภัยจะไม่ได้ทำร้ายชาวบ้าน แต่ก็ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าจะเข้าไปทำไร่ ทำสวนแถวนั้นเพราะกลัว
หากทหารไม่ผลักดันชาวกัมพูชาที่เข้ามาลี้ภัยออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์อพยพหรือค่ายผู้ลี้ภัย เขาอีด่าง จ.สระแก้ว ทุกวันนี้ก็คงจะเกิดปัญหาถูกยึดดินแดนแล้วอ้างสิทธิ์ไม่ต่างจากบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ สิ่งที่กัมพูชาพยายามทำถือเป็นการกระทำที่เรียกว่าเนรคุณ เพราะไทยเคยช่วยเหลือให้ที่กิน ที่นอนในยามวิกฤต แต่กลับจะมายึดแผ่นดินของไทย
และในปี 2521 ยังมีเหตุการณ์ที่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีวันลืม คือ ถูกกลุ่มเขมรแดงบุกเข้ามาปล้นสะดมทั้งอาหาร สัตว์เลี้ยง และสิ่งของเครื่องใช้ของชาวบ้านในพื้นที่ รวมถึงจุดไฟเผาตลาดนิคมบ้านกรวด จนทำให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน สร้างความเดือดร้อนและหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ต้องพากันหนีเอาตัวรอด ต้องพากันไปหลบซ่อนตามจุดต่างๆ เหตุการณ์ความขัดแย้งล่าสุดกับกัมพูชาที่มีการสู้รบกัน เมื่อปลายเดือน ก.ค.68 ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยเชื่อใจเขมรเลย
จากปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็อยากให้ปิดจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู ถาวรไปเลย เพราะไม่ไว้ใจกัมพูชาอาจจะแฝงตัวเข้ามาหาข้อมูลความลับฝั่งไทย โดยการปิดจุดผ่อนปรนอาจจะกระทบกับการค้าขายฝั่งไทยแค่ส่วนน้อย แต่จะกระทบกับทางกัมพูชามากกว่า