กองทัพรัสเซีย ปฏิบัติการโจมตี ยูเครน ครั้งรุนแรงตลอดคืนต่อเนื่องถึงเช้า ส่งโดรนกว่า 800 ลำ และยิงขีปนาวุธอีกกว่า 10 ลูก ถล่มหลายเมืองในยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน
วันนี้ (7 ก.ย. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพรัสเซียเปิดปฏิบัติการโจมตียูเครนครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 3 ปี นับตั้งแต่เริ่มรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2565 โดยกองทัพรัสเซียมีการใช้โดรน 805 ลำ และยิงขีปนาวุธอีก 13 ลูก ในจำนวนนี้เป็นขีปนาวุธพิสัยโค้ง 4 ลูก โจมตีกรุงเคียฟ, เมืองโอเดสซา, เมืองเครเมนชุก, เมืองซาปอริซเซียและอีกหลายเมือง
โดยเฉพาะที่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของประเทศยูเครน มีอาคารอะพาร์ตเมนต์ 9 ชั้น หลังหนึ่งถูกแรงระเบิดได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 คน ในจำนวนนี้มีคุณแม่อายุ 32 ปี ที่เสียชีวิตพร้อมกับลูกชายวัยเพียง 2 เดือน
นอกจากนี้ อาคารที่ประชุมคณะรัฐมนตรียูเครน ในเขตปาเชอร์สกีของกรุงเคียฟ ซึ่งได้รับความเสียหายบางส่วนจากแรงระเบิด และเกิดเพลิงไหม้ ถือเป็นครั้งแรกที่อาคารหลักของรัฐบาลยูเครนตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีของรัสเซีย ที่ผ่านมาใจกลางกรุงเคียฟมีระบบป้องกันทางอากาศที่ดี ครั้งนี้ก็ยังสามารถยิงสกัดโดรนของรัสเซียตกได้ถึง 751 ลำ แต่เมื่อถูกระดมโจมตีอย่างหนักก็เกินกำลังของระบบป้องกันทางอากาศ
ทางประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ออกมาเรียกร้องให้ชาติพันธมิตรทำตามที่ตกลงกันไว้ เพราะการกระทำของรัสเซียในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า เป็นการเจตนาก่ออาชญากรรมสงคราม สังหารผู้บริสุทธิ์ และต้องการให้สงครามยืดเยื้อต่อไป โลกสามารถบีบบังคับอาชญากรสงครามจากรัสเซียให้หยุดสังหารผู้คนได้ เพียงแต่ขอให้มีเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ร่วมกันเท่านั้น