สถานการณ์เนปาลเริ่มสงบ หลังประท้วงเดือด 2 วันติด

View icon 111
วันที่ 10 ก.ย. 2568 | 17.40 น.
รอบรั้วรอบโลก
แชร์
เนปาลส่งทหารเข้าคุมสถานการณ์ หลังเกิดเหตุประท้วงรุนแรงจนกลายเป็นจลาจล อาคารรัฐสภาถูกเผาเสียหายอย่างหนัก

กลุ่มผู้ประท้วงวัยรุ่น Gen Z ที่ออกมาประท้วงไม่พอใจคำสั่งปิดกั้นโซเชียลมีเดียและปัญหาคอร์รัปชันของรัฐบาล จนนำไปสู่เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย วานนี้ (9 ก.ย.) ได้พากันบุกเข้าไปเผาอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ รวมทั้งอาคารที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง และบ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี ทำให้มีควันดำลอยคลุ้งไปทั่วเมือง หลังกลุ่มผู้ประท้วงฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิว

แม้ว่ารัฐบาลเนปาลยกเลิกคำสั่งปิดกั้นโซเชียลมีเดียแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา หลังมีรายงานผู้เสียชีวิต 19 คน บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน รวมทั้งวานนี้ นายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มา โอลี (KP Sharma Oli) ยอมลาออกจากตำแหน่ง แต่ก็ไม่ทำให้ความรุนแรงของการประท้วงเมื่อวานนี้ลดน้อยลง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 คน และท่ามกลางความโกลาหล เจ้าหน้าที่เรือนจำกล่าวว่า นักโทษ 900 คน ได้หลบหนีออกจากเรือนจำ 2 แห่ง ในเขตตะวันตกของเนปาล

นอกจากนี้ ยังมีภาพแพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย ขณะอดีตนายกรัฐมนตรีแชร์ บาฮาดูร์ ดิวบา (Sher Bahadur Deuba) และภริยา รวมทั้งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ถูกกลุ่มผู้ประท้วงทำร้ายร่างกาย แต่สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) ระบุว่าเบื้องต้นยังไม่สามารถยืนยันข้อมูลดังกล่าวได้

ส่วนบรรยากาศล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ กองทัพเนปาลได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย ท่ามกลางท้องถนนที่เงียบสงัด และเศษซากความเสียหายจากการประท้วง โดยยังคงมีการบังคับใช้เคอร์ฟิวอย่างไม่มีกำหนดในกรุงกาฐมาณฑุ ขณะที่ ร้านค้าและธุรกิจต่าง ๆ ส่วนใหญ่ ยังปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่วนสนามบินหลักในเมืองหลวงของเนปาลจะปิดบริการต่อไปจนถึงเวลา 18.00 น. วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น

ขณะเดียวกัน มีการเผยภาพขณะเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจความเสียหายของอาคารรัฐสภา โดยมียานพาหนะที่ถูกเผาและกองโลหะเกลื่อนไปทั่วบริเวณ ส่วนภายในอาคารถูกไฟไหม้อย่างหนัก โครงสร้างบางส่วนพังถล่มลงมา

ด้านสื่อท้องถิ่นรายงานว่า กำลังมีการเตรียมการเพื่อให้เจ้าหน้าที่และผู้ประท้วงเจรจากัน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อาจจำเป็นต้องมีการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยระหว่างนี้จะต้องมีการตั้งรัฐบาลรักษาการเข้ามาทำหน้าที่

ทั้งนี้ แม้ว่าเหตุประท้วงรุนแรงครั้งนี้ถูกจุดชนวนขึ้นจากคำสั่งปิดกั้นโซเชียลมีเดีย แต่เนปาลเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ มาตั้งแต่การประท้วงที่นำไปสู่การยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี 2551 ประกอบกับคนวัยหนุ่มสาวของเนปาลต้องเจอกับภาวะไม่มีงานทำมาหลายปีแล้ว แรงงานหลายล้านคนต้องออกไปทำงานในตะวันออกกลาง, เกาหลีใต้ และมาเลเซีย โดยส่วนใหญ่อยู่ในไซต์ก่อสร้าง ในขณะที่เหล่านักการเมืองและข้าราชการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา