ทหารเนปาลเร่งรวบตัวนักโทษ 900 คน หลังอาศัยช่วงชุลมุนจากเหตุประท้วง หลบหนีออกจากเรือนจำ

ทหารเนปาลเร่งรวบตัวนักโทษ 900 คน หลังอาศัยช่วงชุลมุนจากเหตุประท้วง หลบหนีออกจากเรือนจำ

View icon 172
วันที่ 10 ก.ย. 2568 | 18.12 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นักโทษ 900 คน อาศัยช่วงชุลมุนจากเหตุประท้วงในเนปาล หลบหนีออกจากเรือนจำ ทางทหารเนปาลไล่รวบตัวนักโทษที่ หลบหนีกลับเรือนจำ ขณะนี้สถานการณ์เริ่มสงบลงแล้ว และทหารได้เข้าคุมสถานการณ์

วันนี้ (10 ก.ย. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (9 ก.ย. 68) กลุ่มผู้ประท้วงวัยรุ่น "เจนซี" (Gen Z) ที่ออกมาประท้วงไม่พอใจคำสั่งของรัฐบาลที่ปิดกั้นโซเชียลมีเดียและปัญหาคอร์รัปชันของรัฐบาล จนนำไปสู่เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย กลุ่มผู้ประท้วงได้พากันบุกเข้าไปเผาอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล รวมทั้งอาคารที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง และบ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี

แม้ว่ารัฐบาลเนปาลยกเลิกคำสั่งปิดกั้นโซเชียลมีเดียแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ (8 ก.ย. 68) ที่ผ่านมา และนายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มา โอลี (KP Sharma Oli) ยอมลาออกจากตำแหน่ง แต่ก็ไม่ทำให้ความรุนแรงของการประท้วงเมื่อวานนี้ลดน้อยลง จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 25 คน และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนแล้ว

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กองทัพเนปาลได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย ท่ามกลางท้องถนนที่เงียบสงัด และเศษซากความเสียหายจากการประท้วง โดยยังคงมีการบังคับใช้เคอร์ฟิวอย่างไม่มีกำหนดในกรุงกาฐมาณฑุ

ท่ามกลางความโกลาหล เจ้าหน้าที่เรือนจำกล่าวว่า นักโทษ 900 คน ได้หลบหนีออกจากเรือนจำ 2 แห่ง ในเขตตะวันตกของเนปาล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหารเนปาล ระดมกำลังกันตามล่าตัวนักโทษที่หลบหนีออกจากเรือนจำดิลลีบาซาร์ ในกรุงกาฐมาณฑุ

ขณะที่ร้านค้าและธุรกิจต่าง ๆ ส่วนใหญ่ ยังปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่วนสนามบินหลักในเมืองหลวงของเนปาลได้กลับมาเปิดให้บริการแล้ว หลังปิดให้บริการมา 1 วัน


ขณะเดียวกัน มีการเผยภาพขณะเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจความเสียหายของอาคารรัฐสภา โดยมียานพาหนะที่ถูกเผาและกองโลหะเกลื่อนไปทั่วบริเวณ ส่วนภายในอาคารถูกไฟไหม้อย่างหนัก โครงสร้างบางส่วนพังถล่มลงมา

ด้านสื่อท้องถิ่นรายงานว่า กำลังมีการเตรียมการเพื่อให้เจ้าหน้าที่และผู้ประท้วงเจรจากัน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อาจจำเป็นต้องมีการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยระหว่างนี้จะต้องมีการตั้งรัฐบาลรักษาการเข้ามาทำหน้าที่

ทั้งนี้ แม้ว่าเหตุประท้วงรุนแรงครั้งนี้ถูกจุดชนวนขึ้นจากคำสั่งปิดกั้นโซเชียลมีเดีย แต่เนปาลเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ มาตั้งแต่การประท้วงที่นำไปสู่การยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี 2551 ประกอบกับคนวัยหนุ่มสาวของเนปาลต้องเจอกับภาวะไม่มีงานทำมาหลายปีแล้ว แรงงานหลายล้านคนต้องออกไปทำงานในตะวันออกกลาง, เกาหลีใต้ และมาเลเซีย โดยส่วนใหญ่อยู่ในไซต์ก่อสร้าง ในขณะที่เหล่านักการเมืองและข้าราชการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา