บรรยากาศการประท้วงคืนที่ 3 ในเนเปาล เริ่มสงบลงแล้ว ท่ามกลางเสียงเชียร์ของกลุ่มผู้ประท้วง Gen Z ที่เสนอให้อดีตประธานศาลสูงสุด เข้ารับตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี
จากเหตุการณ์กลุ่มผู้ประท้วงวัยรุ่น "เจนซี" (Gen Z) ที่ออกมาประท้วงในประเทศเนปาล หลังไม่พอใจคำสั่งของรัฐบาลที่ปิดกั้นโซเชียลมีเดียและปัญหาคอร์รัปชันของรัฐบาล จนนำไปสู่เหตุการณ์ลุกลามบานปลายมาตลอด 3 วัน โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้พากันบุกเข้าไปเผาอาคารรัฐสภา อาคารที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง และบ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี จนรัฐบาลเนปาลยกเลิกคำสั่งปิดกั้นโซเชียลมีเดียแล้ว และนายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มา โอลี (KP Sharma Oli) ยอมลาออกจากตำแหน่ง แต่ก็ไม่ทำให้ความรุนแรงของการประท้วงลดน้อยลง
วันนี้ (11 ก.ย. 68) เมื่อคืนที่ผ่านมา ตัวแทนของกลุ่มผู้ประท้วง Gen Z ประกาศข้อเสนอให้ “ซูชิลา คาร์กี” (Sushila Karki) อดีตประธานศาลสูงสุด เข้ามาทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี บริเวณหน้าอาคารศูนย์บัญชาการกองทัพเนปาล ในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของประเทศเนปาล
ส่วนบรรยากาศตลอดทั้งวานนี้ กองทัพเนปาลได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย ท่ามกลางท้องถนนที่เงียบสงัด และเศษซากความเสียหายจากการประท้วง ประชาชนส่วนใหญ่ปฏิบัติตามเคอร์ฟิว แต่ควันจากอาคารที่กำลังไฟไหม้ยังคงลอยฟุ้งอยู่ทั่วเมือง ส่วนสนามบินกรุงกาฐมาณฑุ กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งแล้ว ขณะที่ มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 31 คน บาดเจ็บอีกกว่า 1,000 คน
ด้านกลุ่มอาสาสมัคร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น รวมตัวกันที่สำนักงานกรมการขนส่ง เพื่อเก็บกวาดเศษซากเฟอร์นิเจอร์ เศษกระจกที่แตกกระจัดกระจาย และขนขยะขึ้นรถบรรทุก
โดยสำนักข่าว "บีบีซี" (BBC) รายงานว่า กลุ่มผู้นำการประท้วง "Gen Z" พยายามแยกตัวออกจากการทำลายล้างที่เกิดขึ้น โดยอ้างว่าพวกเขาถูก "ปล้น" (Hijacked) การประท้วงไปจาก "กลุ่มฉวยโอกาส"
ทั้งนี้ แม้ว่าเหตุประท้วงรุนแรงครั้งนี้ถูกจุดชนวนขึ้นจากคำสั่งปิดกั้นโซเชียลมีเดีย แต่เนปาลเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ มาตั้งแต่การประท้วงที่นำไปสู่การยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี 2551 ประกอบกับคนวัยหนุ่มสาวของเนปาลต้องเจอกับภาวะไม่มีงานทำมาหลายปีแล้ว แรงงานหลายล้านคนต้องออกไปทำงานในตะวันออกกลาง, เกาหลีใต้ และมาเลเซีย โดยส่วนใหญ่อยู่ในไซต์ก่อสร้าง ในขณะที่เหล่านักการเมืองและข้าราชการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา