Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 10 กันยายน 2568
1.สถานการณ์ประท้วงเดือดเนปาล เหตุการณ์เริ่มสงบ
เมื่อคืนที่ผ่านมา (10 ก.ย.) มีเสียงเชียร์ดังขึ้นบริเวณหน้าอาคารศูนย์บัญชาการกองทัพเนปาล ในกรุงกาฐมาณฑุ หลังตัวแทนของกลุ่มผู้ประท้วง "เจน ซี" (Gen Z) ประกาศข้อเสนอให้ ซูชิลา คาร์กี (Sushila Karki) อดีตประธานศาลสูงสุด เข้ามาทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี แทนนายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มา โอลี (KP Sharma Oli) ที่ลาออกจากตำแหน่ง โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อาคารรัฐสภา รวมทั้งอาคารอื่น ๆ ของรัฐบาล ถูกเพลิงไหม้จากการวางเพลิงของกลุ่มผู้ประท้วง สร้างความเสียหายอย่างหนัก และไม่เพียงแต่อาคารของรัฐบาลและบ้านพักรัฐมนตรีที่ได้รับผลกระทบ อาคารของเอกชนอย่างโรงแรมหรู "ฮิลตัน" (Hilton) ในกรุงกาฐมาณฑุ ก็ถูกวางเพลิงจากเหตุจลาจลครั้งนี้ด้วย
ส่วนบรรยากาศตลอดทั้งวานนี้ กองทัพเนปาลได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย ท่ามกลางท้องถนนที่เงียบสงัด และเศษซากความเสียหายจากการประท้วง ประชาชนส่วนใหญ่ปฏิบัติตามเคอร์ฟิว แต่ควันจากอาคารที่กำลังไฟไหม้ยังคงลอยฟุ้งอยู่ทั่วเมือง ส่วนสนามบินกรุงกาฐมาณฑุ กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งแล้ว ขณะที่ มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 31 คน บาดเจ็บอีกกว่า 1,000 คน
ด้านกลุ่มอาสาสมัคร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น รวมตัวกันที่สำนักงานกรมการขนส่ง เพื่อเก็บกวาดเศษซากเฟอร์นิเจอร์ เศษกระจกที่แตกกระจัดกระจาย และขนขยะขึ้นรถบรรทุก
โดยสำนักข่าว "บีบีซี" (BBC) รายงานว่า กลุ่มผู้นำการประท้วง "Gen Z" พยายามแยกตัวออกจากการทำลายล้างที่เกิดขึ้น โดยอ้างว่าพวกเขาถูก "ปล้น" (Hijacked) การประท้วงไปจาก "กลุ่มฉวยโอกาส"
2.ฝรั่งเศสประท้วงเดือดหลายพื้นที่
แม้ ฟรองซัวส์ บายรู ผู้สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายค้านและประชาชน จากการเสนอตัดสวัสดิการเพื่อลดงบประมาณ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสไปแล้ว แต่การนัดประท้วง "ปิดกั้นทุกสิ่ง" (Block Everything) หรือ "ชัตดาวน์" ทั่วประเทศ วานนี้ (10 ก.ย.) ยังมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก จากความไม่พอใจการแก้ปัญหาหลายด้านของประธานาธิบดี เอ็มมานูแอล มาครง จนทำให้เกิดเหตุปะทะกับตำรวจควบคุมฝูงชนในหลายจุด
ที่ย่านใจกลางกรุงปารีส ร้านอาหารแห่งหนึ่งถูกไฟเผาเสียหายทั้งร้าน บางคนก็ต้องหนีตายด้วยการปีนลงมาจากตึกที่อยู่ติดกัน จากนั้นตำรวจควบคุมฝูงชนเข้าชาร์จกลุ่มผู้ประท้วง จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน เช่นเดียวกับอีกหลายจุดที่การประท้วงรุนแรง จนเกือบกลายเป็นการจลาจล เช่นที่เมืองแรน (Rennes) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส มีการเผารถโดยสารเสียหายทั้งคัน เคราะห์ดีขณะเกิดเหตุไม่มีคนขับและผู้โดยสารอยู่บนรถ
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมบรรยากาศการประท้วงทั่วประเทศค่อนข้างสงบ ตำรวจควบคุมฝูงชนกว่า 8 หมื่นนาย ยังควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โดยกระทรวงมหาดไทยระบุว่า มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมเกือบ 2 แสนคน มีการจับกุมผู้ประท้วงกว่า 300 คน
3."ชาร์ลี เคิร์ก" ผู้สนับสนุน “ทรัมป์” ถูกลอบสังหาร
“ชาร์ลี เคิร์ก” (Charlie Kirk) นักเคลื่อนไหวฝ่ายอนุรักษ์นิยม และผู้สนับสนุนคนสำคัญของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ถูกคนร้ายใช้อาวุธลอบยิงจนเสียชีวิต ขณะกำลังปราศรัยที่มหาวิทยาลัยยูทาห์วัลลีย์ (Utah Valley University) ถือเป็นความรุนแรงในแวดวงการเมืองสหรัฐฯ ต่อเนื่องจากกรณีที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยถูกลอบสังหารในช่วงหาเสียงปีที่แล้ว 2 ครั้ง และการบุกยิง สส. พรรคเดโมแครตจนเสียชีวิตในบ้านพัก เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุประธานาธิบดีทรัมป์ แถลงผ่าน Truth Social เพื่อแสดงความเสียใจและรู้สึกโกรธแค้นผู้ที่ลอบสังหาร ชาร์ลี เคิร์ก โดยยกย่องเคิร์กว่าเป็นแบบฉบับชาวอเมริกันที่แท้จริง การลอบสังหารอันโหดร้าย ไม่อาจทำลายสิ่งที่เคิร์กเชื่อมั่นและพูดไว้ได้ แต่จะยิ่งทำให้เคิร์กกลายเป็นตำนานและประชาชนเชื่อในสิ่งที่เคิร์กพูดไว้มากขึ้น
ชาร์ลี เคิร์ก อายุ 31 ปี เป็นนักเคลื่อนไหวและอินฟลูเอนเซอร์ด้านการเมืองชื่อดัง เขามีแนวคิดอนุรักษ์นิยม แต่พร้อมที่จะโต้วาทีกับกลุ่มเสรีนิยม จึงมีส่วนสำคัญในการดึงคะแนนเสียงจากคนหนุ่มสาว จนทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา
4.น้ำท่วมเกาะบาหลียังวิกฤต เสียชีวิตแล้ว 14 คน
เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินโดนีเซียเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมหนักบนเกาะบาหลีของอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้นเป็น 14 คน แม้ว่าฝนจะหยุดตกแล้วและระดับในพื้นที่ส่วนใหญ่เริ่มน้ำลดลงแล้วก็ตาม ขณะเดียวกัน มีรายงานผู้สูญหาย 2 คน ในเมืองเด็นปาซาร์ (Denpasar) เมืองหลวงของจังหวัดบาหลี โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัย 125 นาย กำลังเร่งออกค้นหา นอกจากนี้ มีผู้ประสบภัยน้ำท่วมอพยพไปยังโรงเรียนและมัสยิดมากกว่า 500 คน
ฝนตกหนักต่อเนื่องในวันอังคารและวันพุธที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมในเมืองเด็นปาซาร์ และพื้นที่ 6 ใน 8 ภูมิภาคของจังหวัดบาหลี ถนนสายหลักถูกปิดกั้น นอกจากนี้ยังมีดินถล่มในบางพื้นที่ด้วย โดยทางการส่งเจ้าหน้าที่ทหารราว 500 นาย เข้าไปช่วยเก็บกวาดซากปรักหักพังและดินโคลนที่ไหลมาทับถมบนเส้นทางต่าง ๆ
5.สายลับเกาหลีใต้ยืนยัน "คิม จู แอ" ลูกสาว "คิม จอง อึน" คือผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำเกาหลีเหนือ
คณะกรรมาธิการข่าวกรอง รัฐสภาเกาหลีใต้แถลงว่า หน่วยข่าวกรองแห่งชาติประมวลข้อมูลที่ได้จากสายข่าวทั้งหมด และยืนยันว่า คิม จู แอ ลูกสาววัยรุ่นที่ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ พาไปร่วมงานพิธีสวนสนามรำลึก 80 ปี สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คือทายาทสืบทอดตำแหน่งผู้นำคนต่อไปของเกาหลีเหนือ ซึ่งดูจากความระมัดระวังในการปกป้องเอกลักษณ์บุคคลของทั้งคู่อย่างเข้มงวดขณะอยู่ที่กรุงปักกิ่ง
โดยทั้งคู่พักอยู่แต่ในสถานทูตเกาหลีเหนือ ไม่พักในโรงแรมเหมือนผู้นำชาติอื่น ทั้งสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวและขยะหรือเศษอาหารของทั้งคู่ที่สามารถนำไปเก็บลายมือและดีเอ็นเอได้ก็มีเครื่องบินเกาหลีเหนือนำมาให้และนำกลับไปโดยเฉพาะ เพื่อเก็บงำความลับของ คิม จอง อึน และลูกสาวให้ได้มากที่สุด
จนถึงตอนนี้จึงยังไม่มีใครทราบอายุที่แน่ชัดทั้ง คิม จอง อึน และ คิม จู แอ ลูกสาว ได้แต่ประเมินจากหลักฐานแวดล้อมและคำบอกเล่าจากบุคคลเท่านั้น