วันนี้ (17 ก.ย. 68) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นในรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียเปิดเผยการใช้โดรนติดกล้องตรวจจับความร้อนในการเฝ้าติดตามสัตว์ป่าพื้นเมืองที่ใกล้สูญพันธุ์และหายากที่สุดบางชนิดอย่างมีประสิทธิภาพ
เบนจามิน แวกเนอร์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฯ กล่าวว่าการเฝ้าติดตามสำคัญต่อความอยู่รอด แต่สัตว์หลายชนิดใช้เวลาส่วนใหญ่บนต้นไม้สูงจึงตรวจพบได้ยาก พร้อมเสริมว่าประชากรสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์กำลังลดลงเพราะสูญเสียถิ่นที่อยู่ ไฟป่า และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
คณะนักวิจัยพบว่าโดรนสามารถสำรวจพื้นที่ป่าได้มากกว่าการส่องไฟสปอตไลท์แบบเดิมถึง 10 เท่า เนื่องจากการส่องไฟสปอตไลท์แบบเดิมต้องใช้แรงงานคนเดินเท้าตอนกลางคืนอย่างช้าๆ และมักพลาดที่จะพบเจอสัตว์ รวมถึงก่อความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของนักสำรวจด้วย
ผลการศึกษาที่เผยแพร่ผ่านวารสารอีโคโลจิคัล แอปพลิเคชันส์ (Ecological Applications) สังกัดสมาคมนิเวศวิทยาแห่งอเมริกา ระบุว่ากล้องตรวจจับความร้อนบนโดรนสามารถตรวจจับความร้อนในร่างกายจากระยะห่างที่ปลอดภัยเหนือยอดไม้ ทำให้รบกวนสัตว์น้อยที่สุด
คณะนักวิจัยเผยว่าโดรนตรวจจับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ในหลายพื้นที่ทั้งหมด 9 ชนิด บันทึกการสังเกตสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมพื้นเมือง นกป่า และสัตว์ที่อาศัยบนพื้นดิน เช่น แบนดิคูต วอมแบต กวางป่า และแมวป่าในพื้นที่วิจัยมากกว่า 1,000 ครั้ง
แนวทางเฝ้าติดตามใหม่นี้ยังตรวจจับพอสซัมลีดบีตเตอร์ ซึ่งอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤติ และเกรทเตอร์ไกลเดอร์สายพันธุ์ใต้ ซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในหมู่สัตว์สายพันธุ์อื่นๆ ที่โดดเด่นอีกมากมายด้วย
แวกเนอร์กล่าวว่าปัจจุบันมีการขยายขอบเขตการวิจัยและดำเนินการสำรวจด้วยโดรนเพิ่มเติมมากกว่า 100 ครั้ง ซึ่งตรวจจับสัตว์มากกว่า 4,000 ตัว เพื่อศึกษาการฟื้นฟูสัตว์ป่าในป่าของรัฐวิกตอเรีย