เวลา 07.44 น. วันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังลานเฟื่องฟ้า ทักษิณราชนิเวศน์ อำเภอเมืองฯ จังหวัดนราธิวาส ทรงร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนาอิสลามแก่ผู้ล่วงลับภายในสุสานเฟื่องฟ้า มี นายสู-ไฮมี มาเกะ โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดบ้านเขาตันหยง นำผู้ร่วมพิธีฯ ประกอบด้วย ผู้นำทางศาสนา ผู้นำท้องถิ่น และชาวบ้านจากบ้านเขาตันหยง บ้านโคกสยา และบ้านตือลาฆอปาลัส ตำบลกะลุวอเหนือ สวดขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า เพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษของราษฎรบ้านเขาตันหยง จากนั้นร่วมกันสวดดูอาร์ ถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์
สุสานลานเฟื่องฟ้า เป็นสุสานเก่าของชาวมุสลิมบ้านเขาตันหยง เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จึงปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นลานเฟื่องฟ้า และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดพิธีทำบุญทางศาสนาอิสลามแก่บรรพบุรุษ เป็นประจำทุกปี
โอกาสนี้ คณะครู และนักเรียน จากโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่ เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ จากนั้น พระราชทานสิ่งของแก่ผู้แทนเด็กเล็ก และทรงเยี่ยมเด็กเล็ก ผู้ปกครอง และครูพี่เลี้ยง จากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเขาตันหยง ที่มาเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเขาตันหยง ขึ้นเมื่อปี 2528 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง และเสริมสร้างพัฒนาการแก่เด็ก รวมทั้งเตรียมความพร้อมก่อนเข้าศึกษาชั้นปฐมวัย ปัจจุบันมีเด็ก 51 คน
เวลา 09.18 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังกองบังคับการกรมทหารราบที่ 152 ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ทรงเป็นประธานงานวันคล้ายวันสถาปนาค่ายสิรินธร ครบ 45 ปี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานชื่อค่ายฯ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2522 ตามพระนามาภิไธย และวันที่ 22 กันยายน 2523 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดค่ายฯ กองทัพบก จึงอนุมัติให้เป็นวันสถาปนาค่ายฯ ส่วนกรมทหารราบที่ 152 จัดกำลังสนับสนุนหน่วยเฉพาะกิจยะลา ตามนโยบายของกองทัพบก มีภารกิจหลักด้านการทหาร เพื่อความมั่นคงของประเทศ และแก้ไขปัญหาการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงจัดกำลังพลสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในพื้นที่จังหวัดยะลา ดูแลชุมชนไทยพุทธและวัดในพื้นที่เสี่ยง จนเป็นที่ยอมรับของคนในชุมชนไทยพุทธ
จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังสนามฟุตซอลนาควานิช ค่ายสิรินธร ทรงติดตามการดำเนินโครงการทหารพันธุ์ดีของหน่วยฯ ร่วมกับฟาร์มตัวอย่างบ้านจำปูน เพื่อขยายผลโครงการฯ ไปยังส่วนราชการ และประชาชน จากสถานการณ์อุทกภัยช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่โครงการฯ จึงได้ประสานกับ "สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 4" ขุดลอกคูคลองในพื้นที่และชุมชนรอบค่าย บูรณาการร่วมกับ "องค์การบริหารส่วนตำบลวังพญา" ปรับปรุงเส้นทางเลียบค่ายเป็นถนนลาดยาง, ปรับปรุงแนวรั้ว และสร้างประตูเข้า-ออก โดย "กองพันทหารช่างที่ 15" ทำให้กำลังพล เกิดความปลอดภัยมากขึ้น และอำนวยความสะดวกให้บุคลากรภายนอก รวมถึงประชาชนที่มาศึกษาดูงาน
ด้านการขยายผล จัดทำแปลงปลูกดอกปทุมมา เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ ในการประกอบอาชีพเสริมให้กับกำลังพลและประชาชน โดยวางแผนจัดอบรมทางทฤษฎี เชิงปฏิบัติการ ในอาคารศูนย์การเรียนรู้ รวมถึงการปฏิบัติจริงในพื้นที่
ด้านการเกษตร ปลูกพืชพระราชทานหมุนเวียนแปลงปลูก และจัดทำแปลงปลูกดอกปทุมมาเพิ่มเติม, ด้านปศุสัตว์ เลี้ยงเป็ดไข่สายพันธ์ุกากีแคมเบลล์ และไก่ไข่อารมณ์ดี สายพันธุ์โรดไอส์แลนด์เรด และใช้เครื่องฟักไข่เพื่อขยายพันธุ์ ทำให้ได้ลูกสัตว์ปีกที่มีคุณภาพ ลดอัตราการสูญเสีย, เลี้ยงโคสายพันธุ์พื้นเมือง และพันธุ์บราห์มัน
ด้านประมง ขยายพันธุ์ปลานิลสู่ธรรมชาติ และเลี้ยงปลาน้ำจืดในวงศ์ปลาตะเพียน เพื่อขยายผลสู่ประชาชน
โดยร่วมกับส่วนราชการ และฟาร์มตัวอย่างฯ ขยายผลสู่ครอบครัวกำลังพล 95 ครัวเรือน และกำลังพลที่ปลดประจำการ รวมถึงครอบครัวของกำลังพลที่ภูมิลำเนาเดิม 25 ครอบครัว พืชที่นำไปขยายผล เช่น พริก ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ โดยประสานงานกับโครงการฟาร์มตัวอย่างบ้านจำปูน และฟาร์มนายปรีชา ขยายผลให้กับประชาชน 27 ครัวเรือน เพื่อเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้
โครงการฟาร์มตัวอย่างวังพญา-ท่าธง และโครงการทหารพันธุ์ดี ส่งเสริมการปลูกพืชผักหลายชนิด, ด้านปศุสัตว์ เลี้ยงเป็ดเนื้อ และไก่ไข่, ด้านประมง เลี้ยงปลากินพืช ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15,000-17,000 บาท ส่งผลให้มีเกษตรกรสนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ และรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นเกษตรผสมผสาน ปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อการค้า ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดยะลา ร่วมกับศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เข้ามาให้ความรู้และสนับสนุนเมล็ดพันธุ์/ท่อนพันธุ์ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 70,000-80,000 บาท ปัจจุบัน มีสมาชิก 30 ราย
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ค่ายสิรินธร ดูแลสุขภาพและโภชนาการของเด็ก พร้อมติดตามประเมินผลนักเรียนทั้งหมด 40 คน พบว่า ส่วนใหญ่มีน้ำหนัก ส่วนสูง และรูปร่างอยู่ในเกณฑ์ มีบางรายที่มีน้ำหนักค่อนข้างน้อยและส่วนสูงค่อนข้างเตี้ย ได้จัดมาตรการเฝ้าระวังและติดตามเป็นรายเดือน พร้อมปรับปรุงเมนูอาหาร จัดกิจกรรมออกกำลังกาย เพื่อให้เติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย ในปี 2567 ได้นำกิจกรรมโครงงานมาใช้ โดยเฉพาะหน่วยการเรียน "วิทยาศาสตร์น่ารู้" เน้นเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง ซึ่งช่วยให้เด็กมีความสนุกสนานควบคู่กับการพัฒนาทักษะชีวิต กล้าคิด กล้าแสดงออก สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยได้รับรางวัลชนะเลิศ สาธารณสุข 4D ระดับจังหวัดปัตตานี, รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 สุดยอดสื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมการเรียนรู้ เพื่อเด็กปฐมวัยชายแดนใต้ ได้รับโล่พระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ศูนย์ส่งเสริมผ้าบาติกค่ายสิรินธร ยังอนุรักษ์การเขียนลวดลายด้วยมือ ผสมผสานกับการใช้บล็อกปั๊มลายบนผืนผ้า ใช้สีที่สกัดจากธรรมชาติเป็นหลัก ซึ่งปีนี้ ได้นำกากกาแฟมาแปรรูปเป็นสีย้อมผ้า ได้โทนสีน้ำตาลธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ สามารถปรับความเข้มของสีได้ตามวิธีและระยะเวลาในการต้ม อาทิ ใช้เกลือและสารส้ม ช่วยให้สีติดทนขึ้น, ปูนขาว เพื่อปรับโทนสีให้หลากหลาย ปัจจุบันทางศูนย์ฯ ยังส่งเสริมอาชีพให้สมาชิกแม่บ้าน กำลังพล และบุคคลภายนอก เข้ามาเรียนรู้กระบวนการผลิต เพื่อนำไปต่อยอดในการทำงาน เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีกับคนในพื้นที่ด้วย ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากกรมหม่อนไหม ให้นำผ้าไหมที่เป็นเส้นใยจากธรรมชาติมาทดลองทำผ้าบาติก ในส่วนของชุดจากกรมหม่อนไหม มีผ้า 3 ชนิด ได้แก่ ผ้าไหมแก้วทอสลับ, ผ้าไหมทอมือ และผ้าไหมยืด นำมาเขียนลวดลายบาติก ได้ผ้าที่สวยงามโดดเด่นสามารถเพิ่มมูลค่า โดยทำผ้าบาติกส่งเข้าประกวดในงาน "นักออกแบบผ้าไทยใส่ให้สนุกรุ่นใหม่ ปี 2567" โอกาสนี้ ทอดพระเนตรการแสดง "โอ้ละหนอ...My Love" โดยนักเรียนจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ค่ายสิรินธร
เวลา 12.46 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องประชุมน้อมเกล้า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอเมืองฯ จังหวัดยะลา พระราชทานเกียรติบัตรและเข็มที่ระลึกแก่ผู้ที่มีผลงานดีเด่นของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง ศอ.บต. ร่วมกับ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา สงขลา สตูล ปัตตานี และนราธิวาส คัดเลือกข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น พนักงานรัฐวิสาหกิจ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และประชาชนที่ให้ความช่วยเหลือทางราชการ มีคุณธรรม และมีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ ในการนี้ ถวายเกียรติบัตรและเข็มที่ระลึกแด่พระภิกษุ 1 รูป พระราชทานเกียรติบัตรและเข็มที่ระลึก แก่ผู้มีผลงานดีเด่นของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2567 รวม 56 คน
จากนั้น พระราชทานเกียรติบัตรแก่นักเรียนในโครงการประกวดการทำเกษตร "ทุนวรเกษตรเมธี" 10 คน พระราชทานรางวัล "สุดยอดสื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมการเรียนรู้เพื่อเด็กประถมวัยชายแดนใต้ ประจำปีพุทธศักราช 2568" แก่ครูผูัดูแลเด็ก 3 คน
โอกาสนี้ มีพระราชดำรัสแก่ผู้ได้รับพระราชทานเกียรติบัตรและเข็มที่ระลึก
จากนั้น ทรงฟังผลการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ และผลงานสำคัญในรอบปีของ ศอ.บต.ประกอบด้วย โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 2 โครงการ คือ "ครัวโรงเรียน สู่ ครัวบ้าน" และ "เก้าอี้ สุขใจ ร้อยรักสู่ครอบครัว", การพัฒนาเพื่อสนองพระกระแสรับสั่ง 5 โครงการ เช่น การให้ความช่วยเหลืองานทะเบียนราษฎรแก่คนไทยที่พำนักอยู่ในประเทศมาเลเซีย, การสอนภาษาไทยของคนสยามในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย และผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เช่น โครงการสนับสนุนงานแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้, โครงการอำนวยความยุติธรรม และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
ต่อจากนั้น ทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา เกี่ยวกับการปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ จนถึงปัจจุบัน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ห่างไกลอย่างต่อเนื่อง
จากนั้น ทรงติดตามโครงการตามพระราชดำริและโครงการตามพระราชกระแสรับสั่ง อาทิ การขยายผลนวัตกรรม "เก้าอี้ สุขใจ" สู่ "รองเท้าสั่งตัด" เริ่มดำเนินการปี 2560 เพื่อช่วยเหลือเด็กพิการ โดยสนับสนุนกายอุปกรณ์ให้เด็กพิการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 1,879 ราย จากติดตามประเมินผล มีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับ
การขยายผลศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านการเกษตร ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสู่โรงเรียนพระราชดำริกลุ่มโครงการกองทุนการศึกษาภาคใต้ และโรงเรียนเครือข่าย ในปี 2568 ได้ขยายผลรวม 15 แห่ง และปี 2569 จะสร้างเครือข่าย "ตชด. และกองทุน" เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทักษะด้านการเกษตร พร้อมติดตามและขยายผลการดำเนินงานไปยังโรงเรียนอื่น ๆ
การพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์มานิ (โอรัง อัสลี) ศอ.บต. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมและให้ความคุ้มครองชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ให้มีสิทธิดำรงชีวิตในสังคมตามวัฒนธรรมประเพณี และวิถีชีวิตดั้งเดิมตามความสมัครใจได้อย่างสงบสุข โดยปี 2568 ได้ออกเอกสารรับรองบุคคลแก่กลุ่มชาติพันธุ์มานิ (โอรัง อัสลี) 240 คน และยังไม่ได้รับการบันทึกเข้าระบบ 53 คน รวมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้และการใช้ภาษาไทย ส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้
ในการนี้ ทอดพระเนตรการขับร้องเพลงของเด็กพิการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้, นักเรียนจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกลุ่มชาติพันธุ์มานิ (โอรัง อัสลี) ในบทเพลงนารีรัตนา และเพลงโลกทั้งใบ