ข่าวเย็นประเด็นร้อน - พบอีกเพียบหลังสำรวจเส้นทางลากจากจันทบุรี ถึงจังหวัดตราด จากการสร้างถนนเลียบชายแดนเพื่อส่งกำลังบำรุงปกป้องอธิปไตย
ภาพที่เห็นเป็นการตรวจเจอทุ่นระเบิดบริเวนชายแดน จังหวัดจันทบุรี จากการที่ร่วมแรงร่วมใจสร้างถนนเลียบชายแดนจันทบุรี บริเวณฐานเนินผี บ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน เพื่อใช้ในการลาดตระเวน ส่งกำลังบำรุงทางทหารปกป้องอธิปไตย 15 กิโลเมตร ที่ได้ทำการซ่อมแซมพื้นแผ่นดินที่ถูกขุดเจาะ เกือบขาดออกไปจากพื้นแผ่นดินไทย ตลอดเวลาเริ่มดำเนินโครงการ เริ่มตั้งแต่ 15 กันยายน เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด จากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 พร้อมหน่วยปฏิบัติการทุระเบิด ของกองทัพเรือ ได้ทำการตรวจเคลียร์เส้นทาง ก่อนที่จะใช้รถแม็คโครในการตัดเส้นทาง สามารถเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ยังคงหลงเหลือ ตั้งแต่สมัยสงครามเขมรแดง ได้เป็นจำนวนมาก เช่น ทุ่นสังหารบุคคล ลูกกระสุนปืนใหญ่ ทุ่นระเบิดดักรถถัง ลูกยิงปืนคอ ที่พบอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันตัดถนนผ่านไปแล้วประมาณ 85% ท่ามกลางฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ปฎิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ยังคงสลับหน้าที่เปลี่ยนเวร เดินทางขึ้นไปเคลียร์เส้นทางล่วงหน้าทุกวัน พร้อมกับชุดคุ้มกันจากเจ้าหน้าที่ทหารพราน และรถฮัมวี่ติดปืนกล ของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี และระห่างปฏิบัติหน้าที่ ผู้บัญชาการหน่วยนาวิกโยธิน ได้แจกพระสมเด็จวัดระฆัง รุ่นแตกลายงา ปี 2556 ให้กับชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดด้วย
ศูนย์ปฏิบัติการเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิด สรุปสถานการณ์เก็บกู้ทุ่นระเบิด เพียงแค่พื้นที่ทัพภาคที่ 2 พบแล้วกว่า 3,000 รายการ ซึ่งเป็นการปฏิบัติงานของชุดปฏิบัติการเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิด หรือ TMAC ไปสนับสนุนกองทัพภาคที่ 2 ในพื้นที่ ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ และช่องอานม้า ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังประกาศหยุดยิง ได้เข้าสำรวจ เก็บกู้ และทำลาย เพื่อให้เกิดดความปลอดภัยระหว่างลาดตระเวน
แบ่งเป็นช่วงวันที่ 10-23 สิงหาคม เก็บกู้ได้ 122 ทุ่น เป็นทุ่นระเบิดต่อต้านยานพาหนะ จำนวน 4 ทุ่น เก็บสรรพาวุธระบิดที่ยังไม่ระเบิด และสรรพาวุธระเบิดที่ถูกละทิ้งไว้ในพื้นที่ จำนวน 1,575 รายการ วันที่ 29 สิงหาคม ถึง 21 กันยายน เก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลได้ จำนวน 592 ทุ่น เก็บสรรพาวุธระเบิดที่ยังไม่ระเบิด จำนวน 30 รายการ และเก็บสรรพาวุธระเบิดที่ถูกละทิ้งไว้ในพื้นที่ จำนวน 506 รายการ ทำให้พื้นที่ปลอดภัยกว่า 2 แสนตารางเมตร
