คดีพลิก ? บุกยิงสางแค้น สุดท้ายเสียชีวิต

View icon 96
วันที่ 30 ก.ย. 2568 | 16.35 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าใครเป็นฝ่ายผิด กรณีคนร้ายถือปืนบุกยิงเจ้าของอู่ จังหวัดสมุทรปราการ แต่สุดท้ายถูกคนเจ้าของอู่ยิงเสียชีวิต  

เป็นภาพชายชุดดำ กางเกงสามส่วน เขย่งลั่นไกยิง นายไตรรัตน์ คู่กรณี นายเอนก เจ้าของอู่ซ่อมรถ ซอยศรีสมิธ ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมืองสมุทรปราการ  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจาก นายไตรรัตน์ บุกมาเปิดฉากยิงสางปมแค้นเรื่องแพ้คดีซ่อมรถ เมื่อ 2 ปีก่อน

เจ้าของอู่ก็ไม่น้อยหน้า เตรียมปืนรอ นายไตรรัตน์ เข้ามาก่อเหตุ แล้วรัวยิงสวน สองฝ่ายผลัดกันแลกกระสุน 39 วินาที ระหว่างเกิดเหตุมีช่าง ปีนกำแพงออกแล้วกลับเข้าอู่ซ่อมรถ และเป็นจังหวะเดียวกับ ชายชุดดำ ผู้ก่อเหตุ วิ่งข้ามถนนชะเง้อดูเหตุการณ์ หยิบก้อนหินขว้างเพื่อเช็คตำแหน่งคนภายในอู่ 3 ครั้ง ก่อนปีนกำแแพงขึ้นไปสังเกตการณ์บนชั้นสอง 27 วินาที

จากนั้นออกไปหยิบปืนแล้ววกกลับมายิง นายไตรรัตน์ เสียชีวิต ส่วน นายเอนก เจ้าของอู่ ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวไปโรงพยาบาล

หลายคนบอกว่าคดีนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เจ้าของอู่ เคยเข้าแจ้งความตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ว่า นายไตรรัตน์ ถือปืนบุกเข้ามา แต่ไม่พบเจ้าของอู่ เมื่อวันที่ 15 กันยายน หากตำรวจเฝ้าจับตา หรือ ตามไปตักเตือนด้วยวาจา ก็คงไม่เกิดเหตุสลด

พันตำรวจเอก วิโรจน์ ตัดโส ผู้กำกับการ สภ.สำโรงเหนือ บอกว่า จากการตรวจสอบปืนของผู้เสียชีวิต เป็นปืนของคนอื่น ฝั่งเจ้าของอู่ 2 กระบอก เป็นอาวุธปืนมีทะเบียน แต่อีกกระบอกที่ยังหาไม่เจอเป็นปืนลูกซอง เบื้องต้นเจ้าของอู่อยู่ระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาล จึงยังไม่สามารถสอบปากคำ 

สำหรับข้อกฎหมายที่บอกว่า ฝ่ายคนตายบุกรุกจึงจำเป็นต้องป้องกันตัว กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการที่บุกรุกไปก่อเหตุถึงในอู่ เจ้าของบ้านหรือเจ้าของเคหะสถานมักได้เปรียบ แต่พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ถึงพฤติการณ์การก่อเหตุว่าเจ้าของอู่เข้าข่ายความผิดอะไรหรือไม่ มีการจัดเตรียมปืน และพรรคพวกไว้รับมือ ตามที่อ้างว่าเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ ส่วนนี้ตำรวจต้องรวบรวมในสำนวน โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย หลังจากนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานอัยการ และศาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง