เช้านี้ที่หมอชิต - คนชายแดนไทย-กัมพูชา รออย่างมีความหวังให้สถานการณ์จบ หลังเดือดร้อนเรื่องความเป็นอยู่และการค้าขายมานานเกือบ 3 เดือน ยิ่ง 10 ตุลาคม มีกระแสว่าจะเกิดความวุ่นวาย ทำให้หวาดผวา
ร้านขายเนื้อสด และเนื้อตากแห้ง ริมถนนทางหลวงปราสาท-ช่องจอม ตำบลโคกตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ 3-4 ร้านเงียบเหงา หลังเกิดสถานการณ์ความขัดแย้ง ทำให้ยอดขายลดลง 80 % ทุกร้านต่างปรับตัว ลดจำนวนสินค้า
นางสุพรรษา สืบเพ็ง เจ้าของร้านเนื้อสด บอกว่า แต่ก่อนชาวกัมพูชาคือลูกค้าหลัก ขายได้วันละกว่า 20,000 บาท ปัจจุบันขายได้หลักพันบาท ยิ่งใกล้วันที่ 10 ตุลาคม ลือว่าจะมีการยิงปะทะอีกรอบ ทำให้ไม่กล้าสั่งของมาตุน มองว่าหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อ คนชายแดนก็ยิ่งลำบาก จึงอยากให้รัฐบาล ทหาร จัดการอย่างเด็ดขาด แก้ปัญหาให้จบ
ส่วนเรื่องเงินเยียวยาสำหรับผู้อพยพ ก็สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจให้กับคนชายแดนไม่น้อย นายประสาน อายุ 71 ปี และ นางจันที อายุ 65 ปี ร้องเรียนนักข่าว เช่าบ้านอยู่ใน อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ช่วงเหตุการณ์ยิงปะทะพาครอบครัว 10 ชีวิต อพยพไปอยู่ที่ต่างจังหวัดเกือบ 1 เดือน ทำให้ไม่ได้เงินเยียวยา เพราะเจ้าของบ้านเช่าไปลงทะเบียนแล้ว ในฐานะคนเดือดร้อนโดยตรง อยากได้เงินเยียวยา วิงวอนให้ภาครัฐเข้ามาสำรวจพิจารณาให้ลงทะเบียนเพิ่ม
ทีมข่าวสอบถามไปยังอำเภอฯ ชี้แจงว่าตามเกณฑ์ไม่ว่าจะเจ้าของบ้านหรือผู้เช่า หากอยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ อพยพจริง สามารถลงทะเบียนได้ จากนั้นจะมีการทำประชาคม รับรองข้อมูล ส่งรายชื่อเข้าส่วนกลาง กรณีตา-ยาย จะตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ส่วนบรรยากาศตลาดนัดวันพุธชายแดนบ่อไร่ จังหวัดตราด ช่วงนี้เงียบเหงากว่าปกติ ประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อของน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด พ่อค้า-แม่ค้าต่างหาวิธีดึงดูดลูกค้า สร้างรอยยิ้มให้กับตัวเอง ไม่ให้เครียด เช่น แม่ค้าส้มตำท่านนี้ เปิดเพลงจังหวะสนุกสนาน พร้อมเต้นโชว์ เพื่อสร้างสีสันรอยยิ้มให้กับลูกค้า และทำให้ตลาดดูครื้นเครง หลังลูกค้าเงียบกว่าแต่ก่อนเพราะปัญหาเศรษฐกิจ และสถานการณ์ชายแดน คนก็ไม่ค่อยจับจ่าย
พ่อค้า-แม่ค้า บอกเป็นเสียงเดียวกัน อย่างไรก็ไม่ยอมแพ้ เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย การค้าขายก็จะดีเหมือนเดิม