เพจดังตั้งคำถามหลัง สว. มองอินฟลูฯ เปิดเสียงผีใส่เขมรเข้าข่ายทรมาน

เพจดังตั้งคำถามหลัง สว. มองอินฟลูฯ เปิดเสียงผีใส่เขมรเข้าข่ายทรมาน

View icon 949
วันที่ 12 ต.ค. 2568 | 14.59 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เพจดัง ตั้งคำถามถึงนักสิทธิฯ หลัง สว. อังคณา มองอินฟลูฯ เปิดรถแห่ส่งเสียงโหยหวนของภูติผี ห่วงเข้าข่ายทรมานทางจิตวิทยา รัฐบาลควรตระหนัก

วันนี้ (12 ต.ค.68) เพจ Army Military Force ออกมาตั้งคำถามถึง นักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย ทหารไทยโดนระเบิด ชาวบ้านโดน BM-21 ไม่เคยออกมาร้องแหกปาก พอเปิดซาวด์ผีใส่เขมร ดิ้นจะเป็นจะตุย

โพสต์ดังกล่าวมีขึ้นหลังนางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า ในช่วงความขัดแย้ง สงคราม การปล่อยให้อินฟลูฯ หรือกลุ่มบุคคลเข้าไปกระทำการเพื่อสร้างความกดดันหรือความหวาดกลัว ถือเป็นความท้าทายอย่างมากต่อรัฐบาลโดยเฉพาะ รมว. ต่างประเทศ ถึงแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อหาทางออกร่วมกัน รัฐบาลไทยควรตระหนักว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นถูกรายงานไปยังองค์การสหประชาชาติ

สว.อังคณา ระบุว่า วานนี้ (11 ต.ค.68) ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (Cambodia Human Rights Committee) ได้มีหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน สหประชาชาติ ระบุว่า “คณะกรรมาธิการ ได้รับรายงานที่เชื่อถือได้จากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและพลเรือนที่ได้รับผลกระทบในหมู่บ้านเปรย์จัน และจ็อกเจย์ ตำบลโอเบย์จอน อำเภอโอจรอว์ จังหวัดบันเตียเมียนเจย ระบุว่า หน่วยทหารแห่งราชอาณาจักรไทยได้กระจายเสียงที่มีลักษณะคล้ายเสียงโหยหวนของภูตผีผ่านลำโพงขนาดใหญ่ ตั้งแต่เวลา 22.44 น. จนถึงเวลา 00.04 น. จากนั้นได้เปิดเสียงเครื่องยนต์อากาศยานต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 03.22 น. ถึงเวลา 03.53 น. โดยจงใจส่งเสียงไปยังชาวบ้านกัมพูชาในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่ง มีเจตนาเพื่อรบกวนและข่มขวัญ

เสียงเหล่านี้ ซึ่งถูกอธิบายว่าเป็นเสียงดังแหลมสูงและต่อเนื่องเป็นเวลานาน ได้สร้างความเดือดร้อนในการนอนหลับก่อให้เกิดความวิตกกังวลและสร้างความไม่สบายทางร่างกายในหมู่ชาวบ้าน รวมถึงสตรี เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และคนพิการ การกระทำที่เป็นปฏิปักษ์และยั่วยุในลักษณะเช่นนี้ไม่เพียงเป็นอันตรายต่อสุขภาพกายและใจของพลเรือนกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน การกระทำดังกล่าวไม่มีในสังคมอารยะใด ๆ และขัดแย้งโดยตรงกับหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งยึดมั่นในสันติภาพ สิทธิมนุษยชน และการเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกันระหว่างประเทศ

สว.อังคณา ระบุว่า รัฐบาลควรตระหนักว่า การทำใด ๆ ที่ทำให้เกิดความหวาดกลัวหรือส่งผลกระทบต่อจิตใจของพลเรือนแม้จะเป็นคู่ขัดแย้งในสงคราม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อาจเข้าข่าย การทรมานทางจิตวิทยา (Psychological Torture) ตามอนุสัญญา CAT ที่ประเทศไทยเป็นภาคี อยากฟังว่ารัฐบาลจะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไรในเวทีระดับโลก