แพทย์ แจง กรณีชายวัย 44 กินน้ำยาล้างห้องน้ำ แล้วให้กลับบ้าน เพราะเคสนี้ล้างท้องไม่ได้

แพทย์ แจง กรณีชายวัย 44 กินน้ำยาล้างห้องน้ำ แล้วให้กลับบ้าน เพราะเคสนี้ล้างท้องไม่ได้

View icon 6.3K
วันที่ 14 ต.ค. 2568 | 10.55 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
แพทย์ แจง กรณีชายวัย 44 กินน้ำยาล้างห้องน้ำ แล้วให้กลับบ้าน เพราะเคสนี้ล้างท้องไม่ได้ เนื่องจาก น้ำยาล้างห้องน้ำตัวนี้มีฤทธิ์เป็นกรด จะมีข้อห้ามของเรื่องการล้างท้อง เพราะการล้างท้อง อาจจะทำให้อการแย่กว่าเดิม 

วันที่ 14 ต.ค.68 กรณีนายนัฐวุฒิ อายุ 44 ปี ชาวบ้านโนนพลวง ต.หนองใหญ่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำที่ญาติแบ่งใส่ขวดน้ำอัดลมไว้ เพราะคิดว่าเป็นน้ำหวาน หลังจากมีอาการแฮงค์ตั้งแต่กลางคืน โดยหลังจากที่ดื่มไปแล้ว และรู้ว่าเป็นน้ำยาล้างห้องน้ำ ญาติได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาล ใน อ.สตึก ทันทีด้วยอาการอาเจียน เวียนศีรษะ พร้อมกับนำตัวอย่างน้ำยาล้างห้องน้ำไปให้หมอตรวจสอบ และรักษาได้อย่างถูกต้อง หลังถึง รพ. แพทย์ได้ฉีดยาให้ 1 เข็ม สั่งจ่ายยา แล้วอนุญาตให้กลับบ้าน หลังจากนั้นไม่กี่ ชม.นายนัฐวุฒิ เกิดอาการช็อกและเสียชีวิตทันที ต่อหน้าญาติถึง แม้เจ้าหน้าที่ 1669 จะพยายามช่วยเหลือก็ตาม

เหตุการณ์ดังกล่าวญาติต่างตั้งข้อสงสัย ถึงวิธีการรักษาของแพทย์ว่า ดำเนินการไปอย่างถูกต้องหรือไม่ ทำไมไม่มีการล้างท้องคนไข้ ทั้งที่รู้สาเหตุชัดเจน มีตัวอย่างชัดเจน แต่กลับปล่อยให้คนไข้กลับไปดูอาการที่บ้านจนเสียชีวิต

ล่าสุด นายแพทย์พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจากการพลั้งเผลอ ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำที่ยังมีคุณสมบัติกัดสนิมได้ ซึ่งน้ำยาตัวนี้มีฤทธิ์เป็นกรด ฤทธิ์ตัวนี้ จะมีข้อห้ามของเรื่องการล้างท้อง เพราะการล้างท้อง จะต้องใส่สายไปทางจมูก ส่งไปที่กระเพาะอาหาร การทำแบบนี้จะทำให้สารเคมี ซึ่งเป็นกรดเป็นด่างที่อยู่ในช่องท้องไหลย้อนกลับคืนมาได้อีก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดแผลของหลอดอาหาร และอาจจะทำให้หลอดอาหารทะลุได้ และยังมีโอกาสกระจายไปที่ปอด และทำให้ติดเชื้อจะเกิดอาการรุนแรงขึ้นมาได้ กรณีนี้จึงไม่สามารถล้างท้องได้

นายแพทย์พิเชษฐ กล่าวด้วยว่า กรณีที่มีการอาเจียนเกิดขึ้น ผู้เสียชีวิตได้ดื่มสุรามาด้วย สาเหตุที่หมอให้กลับบ้านได้ เพราะคนไข้มีอาการดีขึ้น และได้ย้ำให้ญาติดูอาการ หากรุนแรงก็ให้กลับมารักษาต่อ

อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดความสูญเสียขึ้นแล้ว ทางสาธารณสุข จะต้องมีการเยียวยาและดูแลญาติต่อไป ทั้งนี้ต้องขอฝากเตือนประชาชนทั่วไป เรื่องของการใช้ภาชนะใส่วัตถุอันตรายให้ควรระวัง ซึ่งตอนนี้ได้สั่งการให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน (รพ.สต.)ในพื้นที่ เร่งตรวจสอบและตามหาว่าขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่มีการแบ่งกันไปใช้เก็บได้อย่างมิดชิดดีหรือไม่ เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการซ้ำซ้อนอีก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง