วานนี้ เวลา 19.17 น. หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2568 ณ พระอุโบสถ วัดสุทัศนเทพวราราม แล้ว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลาการเปรียญ โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม ที่กำพูสัปตปฎลเศวตฉัตร ทรงถือสายสูตรยกสัปตปฎลเศวตฉัตร ขึ้นกางกั้นเหนือพระพุทธเสฏฐมุนี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ทรงวางพวงมาลัย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธเสฏฐมุนี หรือ หลวงพ่อกลักฝิ่น พระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 1 วา 1 ศอก 1 คืบ หรือประมาณ 2 เมตร 75 เซนติเมตร โดยปี 2382 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า มีพระบรมราชโองการให้ปราบปรามฝิ่น และให้รวบรวมมาเผาทำลายที่สนามไชย หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นำกลักฝิ่นโลหะหล่อเป็นพระพุทธปฏิมา ด้วยมีพระราชประสงค์จะอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดสุทัศนเทพวราราม ต่อมาปี 2397 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างศาลาโรงธรรม หรือ ศาลาการเปรียญ และอัญเชิญพระพุทธปฏิมา มาประดิษฐานเป็นพระประธาน พร้อมถวายพระนามว่า "พระพุทธเสฏฐมุนี" แปลว่า "พระผู้ประเสริฐสุด"
จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังพิพิธภัณฑ์ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) เนื่องในอภิลักขิตสมัยวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ครบ 100 ปี พุทธศักราช 2568 ทรงวางพวงมาลัยถวายสักการะพระรูปหล่อ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ที่ 12 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม ลำดับที่ 4
แล้วเสด็จเข้าหอพระกรรมฐาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายต้นไม้ทอง ต้นไม้เงิน และธูปเทียนแพสักการะ พระพุทธชัยสิริวัฒน์ หรือ หลวงพ่อดำ พระพุทธรูปประจำพระองค์ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ถวายดอกบัวทอง ดอกบัวเงิน และธูปเทียนแพ สักการะภาพสุนทรีวาณี สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ถวายธูปเทียนแพ สักการะพระนิรโรคันตราย
โอกาสนี้ เสด็จเข้าตำหนักประทับ ทอดพระเนตรนิทรรศการพระประวัติ และสิ่งของเครื่องใช้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรก ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งหลังจากประเทศเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองคณะสงฆ์ตามมา มีการตราพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช 2484 และจัดตั้งสังฆสภาขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติของสงฆ์ ทรงริเริ่มการแปลพระไตรปิฏกเป็นภาษาไทยให้ครบถ้วนสมบูรณ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทรงมีพระปรีชาในงานช่าง มีฝีพระหัตถ์ในการวาดลวดลายและแกะสลัก ทรงสร้างงานพุทธศิลป์ไว้มากมาย อาทิ พระกริ่ง พระพุทธรูป โต๊ะหมู่ และเครื่องบูชาที่เป็นเครื่องแก้วเจียระไน สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2487 ที่ตำหนักวัดสุทัศนเทพวราราม สิริพระชันษา 88 ปี พระพรรษา 66 ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช 6 ปี 11 วัน และเจ้าอาวาส 44 ปี
ส่วนนิทรรศการตาลปัตร ย่าม และผ้ากราบ ซึ่งจัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสต่าง ๆ พิพิธภัณฑ์ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) ตั้งขึ้นในปี 2567 ภายในพื้นที่คณะ 6 ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และอดีตเจ้าอาวาสรูปก่อน ๆ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 มีพื้นที่พิพิธภัณฑ์ฯ และจัดแสดงนิทรรศการ 5 ส่วน คือ ตำหนักประทับ, หอพระกรรมฐาน, หอไตร, กุฏิเรือนแถวทิศตะวันออก จัดแสดงเอกสารโบราณ และกุฏิเรือนแถวทิศตะวันตก จัดแสดงเครื่องพุทธบูชาเก่าแก่
เวลา 17.53 น. วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดมกุฎกษัตริยาราม เป็นวัดแรก
วัดมกุฏกษัตริยาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ภายหลังจากขุดคลองผดุงกรุงเกษมเป็นคูพระนครชั้นนอก และให้มีวัดเรียงรายอยู่ตามชายคลองเหมือนกรุงศรีอยุธยา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างวัดขึ้นเคียงคู่กับวัดโสมนัสวรวิหาร โดยให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นแม่กองก่อสร้าง แล้วเสร็จในปี 2411 ช่วงแรกเรียกว่า "วัดนามบัญญัติ" เมื่อสิ้นรัชกาลจึงเรียกนามพระราชทานว่า "วัดมกุฏกษัตริยาราม" อันเป็นนามตามพระปรมาภิไธย
วัดมกุฎกษัตริยาราม มีลักษณะพิเศษเฉพาะ คือ เป็นวัดในกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีเสมา 2 ชั้น เช่นเดียวกับวัดโสมนัสราชวรวิหาร ชั้นแรก เรียกว่า มหาสีมา อยู่ในซุ้มที่มุมกำแพงรอบวัด และมีเสมารอบพระอุโบสถอีกชั้นเรียกว่าขัณฑสีมา ซึ่งวัดทีมีเสมา 2 ชั้น พระสงฆ์สามารถประชุมทำสังฆกรรมได้ทั้งพระอุโบสถ และพระวิหาร สำหรับอาคารสำคัญ ได้แก่ พระวิหาร พระอุโบสถ มีลายพระมหามงกุฏอันเป็นตราประจำรัชกาลที่ 4 ทั้งที่หน้าบัน และด้านบนของซุ้มประตูหน้าต่าง ส่วนผนังด้านในพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมแตกต่างจากวัดอื่น เช่น เรื่องพระสาวกในบาลีและอรรถกถา พระอัครสาวก 11 พระองค์ อัครสาวิกา 8 องค์ ภาพการบำเพ็ญกรรมฐาน สิ่งที่พึงปฏิบัติเนื่องด้วยธรรมวินัย ธุดงควัตร บนบานหน้าต่างและบานประตูด้านในเขียนพระสูตร ที่เป็นคาถาด้วยตัวอักษรบรรจง
ในการนี้ พระเทพวชิรเมธาจารย์ (บุญร่วม อตฺถกาโม) เจ้าอาวาสวัดมกุฎกษัตริยาราม ถวายพระกริ่งวัดมกุฎกษัตริยาราม เนื้อนวะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร
จากนั้น ทรงพระดำเนินไปยังที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ในการนี้ ทรงวางพวงมาลัย แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ปัจจุบัน วัดมกุฎกษัตริยาราม มีพระสงฆ์และสามเณร จำนวน 99 รูป
เวลา 18.41 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ไปยังพระอุโบสถ วัดเทพศิรินทราวาส ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2568 โอกาสนี้ ทรงรับผ้าไตรจากเจ้าพนักงานศุภรัต ทรงวางผ้าไตรเหนือพานแว่นฟ้าซึ่งตั้งอยู่หน้าอาสน์สงฆ์ใกล้เจ้าอาวาส ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธปฏิมา พระประธานพระอุโบสถ แล้วทรงประกอบพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน
วัดเทพศิรินทราวาส เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนาเมื่อปี 2419 เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จสวรรคตตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงพระเยาว์ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี 2421โดยพระราชทานนามว่า "วัดเทพศิรินทราวาส" จึงเป็นพระอารามที่แสดงให้เห็นถึงพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยพระกตัญญูกตเวทิตาคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ มีพระราชประสงค์ให้วัดแห่งนี้เป็นพระอารามสำหรับประกอบการพระราชกุศลของพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งสืบสายมาแต่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เพื่อเป็นการสมานสามัคคีในหมู่พระประยูรญาติจึงมีการประดิษฐานปูชนียวัตถุสำคัญ เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงพระบรมราชชนนี
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธาน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดสร้างขึ้น เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ที่มีพุทธลักษณะตามแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 4 และอัญเชิญมาประดิษฐานเมื่อปี 2438 และมีพระพุทธรูปสำคัญ เช่น พระนิรันตราย พระอัครสาวก และพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย ปัจจุบันมีสมเด็จพระธีรญาณมุนี (วรชาโย) เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์จำพรรษา รวม 83 รูป
ในการนี้ เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ถวายเหรียญพระโพธิสัตว์กวนอิม สร้างฉลองวิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร
จากนั้น เสด็จออกจากพระอุโบสถไปยังวิหารเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต ทรงวางพวงมาลัย แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะรูปปั้นเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ