"ดร.ณัฏฐ์" นักกฎหมายมหาชน ชำแหละปม “บวรศักดิ์” ขอบเขตอำนาจศาล รธน. “คำวินิจฉัยไม่เกินคำขอ” ต้องเป็นประเด็นเกี่ยวเนื่องกับคำร้องโดยตรง

"ดร.ณัฏฐ์" นักกฎหมายมหาชน ชำแหละปม “บวรศักดิ์” ขอบเขตอำนาจศาล รธน. “คำวินิจฉัยไม่เกินคำขอ” ต้องเป็นประเด็นเกี่ยวเนื่องกับคำร้องโดยตรง

View icon 195
วันที่ 19 ต.ค. 2568 | 15.02 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (19 ต.ค. 68) ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ ดร.ณัฏฐ์ นักกฎหมายมหาชน ให้ความเห็นกรณี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ได้ออกมาระบุถึงขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่เกินคำขอ ในปมปัญหาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจถึงอำนาจของรัฐสภา ไม่อาจจัดให้ประชาชนเลือก สสร. ได้โดยตรง ทำให้เกิดข้อถกเถียงเป็นวงกว้างเกี่ยวกับขอบเขตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจขอบเขตเพียงใดกันแน่ ว่าข้อถกเถียงทางวิชาการอาจเห็นต่างกันได้ แต่ต้องยึดหลักกฎหมาย หลักเรื่องพิพากษาเกินคำขอไม่ได้ ที่เรียกว่า หลัก Ultra Petita ถือเป็นหลักสากลที่ใช้กันในทุกรัฐทั่วโลก ในคดีแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2568 ที่ระบุบางตอนว่า รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่าง รธน. ได้โดยตรง เป็นข้อถกเถียงกันว่า ศาล รธน. วินิจฉัยเกินคำขอหรือไม่ ทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่า สิ่งที่ นายบวรศักดิ์ ได้ออกมาแถลงระหว่างในปี 2541 กับปี 2568 แตกต่าง ตรงกันข้าม ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน แม้กระทั่งนักกฎหมายยังเถียงกันวุ่น ว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินคำขอ ได้หรือไม่ อย่างไร

ดร.ณัฐวุฒิ บอกว่า ตนจะอธิบายให้พี่น้องประชาชน จะได้เข้าใจในหลักกฎหมายมหาชนเพื่อติดอาวุธทางปัญญา หลัก Ultra Petita  หรือหลัก ne Ultra Petita หรือ Ultra Petita pertium แล้วแต่จะเรียก เป็นหัวใจสำคัญในคดีอาญาและคดีแพ่ง ศาลจะพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขอไม่ได้เด็ดขาด คดีอาญา เป็นไปตาม ป.วิอาญามาตรา 192 วรรคหนึ่ง ส่วนคดีแพ่ง เป็นไปตาม ป.วิแพ่งมาตรา 142 วรรคสอง เหตุผลทางกฎหมาย เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่คู่ความทุกฝ่าย คู่ความมีสิทธิได้ทราบล่วงหน้าว่าคู่กรณีอีกฝ่ายร้องขออะไร จะได้เตรียมการต่อสู้ได้ให้ครบทุกประเด็น ป้องกันไม่ให้ศาลตัดสินเรื่องที่คู่ความไม่ได้มีโอกาสโต้แย้งหรือไม่อยู่ในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี

สำหรับข้อยกเว้น ศาลอาจพิพากษาไม่ตรงตามคำขอได้ในบางกรณี เพื่อประโยชน์ยุติธรรมและไม่เกินขอบเขตในสาระสำคัญ เช่น พิพากษาน้อยกว่าคำขอ หรือพิพากษาเกี่ยวกับสิทธิอันเกี่ยวเนื่องประเด็นโดยตรง หรือในคดีอาญา ศาลอาจพิพากษาให้จำคุกน้อยกว่าที่อัยการฟ้องขอให้ลงโทษก็ได้ แต่ห้ามพิพากษาจำคุกมากกว่าที่ขอท้ายฟ้องอาญา เป็นต้น

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า คดีรัฐธรรมนูญ หรือที่พี่น้องประชาชนเรียกกันว่า คดีการเมือง มีความแตกต่างจากคดีอาญา คดีแพ่ง เพราะเป็นคดีการเมือง เป็นอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ มีลักษณะบ่งเฉพาะ และข้อยกเว้นบางประการ ไม่เคร่งครัดเท่ากับคดีอาญาหรือคดีแพ่ง โดยหลักวินิจฉัยไม่เกินคำขอในศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยในขอบเขตแห่งคำร้องที่ผู้ร้องยื่นไว้เท่านั้น แต่มีอำนาจวินิจฉัยตามคำร้องให้ครบถ้วนได้ เฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวเนื่องจำเป็น เพื่อให้คำวินิจฉัยตามคำร้องให้ครบถ้วนสมบูรณ์เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม โดยฐานกฎหมาย แม้ใน รธน.จะไม่ได้เขียนคำว่า ห้ามวินิจฉัยเกินคำขอ แต่ปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญอาศัย พรป. ว่าด้วยการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 ในการพิจารณาคดี เพราะเป็นกฎหมายวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 74 แห่ง พรป.ว่าด้วยการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 บัญญัติว่า ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญคำวินิจฉัยของศาล หากมีความจำเป็น จะต้องบังคับให้เป็นไปตามคําวินิจฉัย ให้ศาลมีอำนาจกําหนดคําบังคับให้เป็นไปตามคําวินิจฉัยของศาลไว้ในคําวินิจฉัยนั้น โดยศาลอาจกําหนดให้มีผลไปในอนาคตขณะใดขณะหนึ่งหลังวันอ่านคำวินิจฉัย หรืออาจกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการในการบังคับอย่างหนึ่งอย่างใด ทั้งนี้ ตามความจำเป็นหรือสมควรตามความเป็นธรรมแห่งกรณี เป็นบทบัญญัติในการวินิจฉัยไม่เกินคำขอและมีข้อยกเว้น หากมีความจำเป็นและประเด็นเกี่ยวเนื่องกับคำร้อง เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ มิใช่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะใช้อำนาจตามอำเภอใจที่จะวินิจฉัยเกินคำขอ

ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน คือ วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญให้อำนาจวินิจฉัยไม่เกินคำขอ หากเป็นประเด็นเกี่ยวเนื่องตามคำร้อง ย่อมมีอำนาจตัดสินได้ ต้องเกี่ยวเนื่องประเด็นตามคำขอ เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะในกฎหมายมหาชน ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจขยายการตีความตามอิสระเป็นการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ แตกต่างจากศาลยุติธรรมที่มุ่งคุ้มครองคู่ความเป็นหลัก ตามคำร้องอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมติ 5 ต่อ 2 ที่ว่า รัฐสภามีอำนาจริเริ่มหรือแสดงความต้องการเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติให้ความเห็นชอบว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสียก่อน

ทั้งนี้ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งรัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่รัฐสภาไม่อาจจัดให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง เป็นคำวินิจฉัยที่เกี่ยวเนื่องกับคำร้องโดยตรง ศาลรัฐธรรมนูญคุ้มครองประโยชน์สาธารณะย่อมคำวินิจฉัยให้ครอบคลุมถึงกระบวนการ วิธีการ และข้อห้ามได้ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ไม่เกินคำขอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง