ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ข่าวการย้ายฐานไปปักหลักที่ ตำบลโอร์เสม็ด อำเภอสำโรง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา อยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ไทย และ ผบ.ตร. ก็ยืนยัน ว่าตำรวจทำงานหนักเพื่อปราบแก๊งฯ เหล่านี้ มากกว่าที่หลายคนคิด
จากข้อมูลที่ นายอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ชี้เป้าว่าที่ตั้งใหม่ของ แก๊งคอลเซนเตอร์ ก็คือจุดที่ไทยเคยบุกเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อคนไทย ที่ถูกหลอกไปทำงาน โดยปัจจุบัน พบว่าบ่อนกาสิโนใหม่ สร้างเกือบเสร็จแล้ว มีการวางระบบดูแลภายในอย่างเข้มงวดเป็นลำดับชั้น
มีเบื้องหลัง เป็นกลุ่มทุนจีนสีเทา และมีข้อมูลเรื่องการจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่กัมพูชา ทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าพื้นที่ได้ ส่วนที่ทางการไทยทำได้ตอนนี้ คือเฝ้าระวัง ช่องทางธรรมชาติ 16 จุดใน อำเภอกาบเชิง
สอบถามเรื่องนี้กับ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ยืนยันว่าที่ผ่านมา ไทยติดตามปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมานานแล้ว ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านมาตลอด ไม่เว้นแม้แต่กัมพูชา ที่ปีนี้ส่งข้อมูลผู้กระทำผิดให้ไป ก็ส่งผู้ต้องหากลับมาให้ 3 ครั้ง รวม 219 คน จะเห็นได้ว่าความร่วมมือมี แต่น้อยมาก
ส่วนที่สังคมมองว่าทั้งประเทศเกาหลีใต้ และจีน จริงจังในการปราบปรามมากกว่าไทย ยืนยันตำรวจไทยขับเคลื่อนเรื่องนี้เยอะมาก และตนเองก็รู้สึกยินดี ที่นานาประเทศได้เห็นความจริงว่าประเทศใดที่กระทำความผิด จนเกิดการกระตุ้นให้ช่วยกันปราบปรามอาชญากรรม ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อคนทั้งโลก
สำหรับปริศนาที่สงสัยกันว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปปง.เสนอให้มีการเพิกถอนสัญชาติคือใคร ผบ.ตร. บอกว่า ก็คือผู้ต้องหาในคดีก๊ก อาน เพราะตรวจสอบพบบางคนได้สัญชาติไทย ส่วนกระแสข่าว 7 นักการเมืองที่เอี่ยวแก๊งสแกมเมอร์กัมพูชานั้น ยืนยันว่า ตำรวจพร้อมดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา แต่ต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งขณะนี้ยังเป็นเพียงข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่กันเท่านั้น
ล่าสุดนายกรัฐมนตรี และ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ไปแถลงข่าวปราบปรามยาเสพติด พูดถึงเรื่องนี้ว่า ที่ประชุมปราบสแกมเมอร์มีการพูดชื่อของทุกคนที่อยู่ในกระแสข่าว แต่ตอนนี้ขาดพยานหลักฐาน จึงเอามาพูดต่อสาธารณะไม่ได้ แต่ยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบในทุกมิติแน่นอน
