“อาจารย์เชษฐา” ชี้ ไทยลงนามข้อตกลงไทยกัมพูชา สะท้อนยุทธศาสตร์เปลี่ยนรับเป็นรุก ใช้นานาชาติบีบกัมพูชา
วันนี้ (27 ต.ค.68)ผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น อาจารย์ประจำภาควิชาการบริหารและจัดการการเมือง วิทยาลัยพัฒนามหานคร มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีไทยลงนาม “คำแถลงร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและนายกรัฐมนตรีไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย” ว่า
เอกสารฉบับนี้สะท้อนลักษณะสำคัญของการบริหารความมั่นคงแบบบูรณาการ โดยมีหลายประเทศและกลไกระดับภูมิภาคร่วมเป็นพยาน ทั้งอาเซียนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้การยุติความขัดแย้งระหว่างสองประเทศมีความชอบธรรมมากขึ้น และเพิ่มแนวโน้มให้เกิดความยั่งยืน เพราะเมื่อมีหลายฝ่ายร่วมรับรอง การละเมิดข้อตกลงย่อมเกิดขึ้นได้ยากขึ้น
“การลงนามครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลไทยในการใช้ “สันติวิธี” เป็นเครื่องมือหลักในการแก้ไขความขัดแย้ง ยืนยันว่าไทยยึดหลักการเจรจาแทนการใช้กำลัง เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ชายแดนจากจุดเสี่ยงความขัดแย้ง ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความร่วมมือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก”
“ไทยได้รับทั้ง ภาพลักษณ์ทางการทูต และ ความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ ในฐานะรัฐสันติภาพ (Peaceful State) ที่มีอิทธิพลในอาเซียน ใช้กลไกระดับภูมิภาคเพื่อถ่วงดุลมหาอำนาจ และลดแรงกดดันชายแดน โดยไม่กระทบอธิปไตยของประเทศ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านจาก การทูตเชิงป้องกัน ไปสู่ การบริหารความมั่นคงเชิงรุก ที่ไทยสามารถใช้เป็นต้นแบบกำหนดนโยบายต่างประเทศในอนาคตได้อย่างยั่งยืน”
อาจารย์เชษฐา เสนอให้รัฐบาลไทยเดินหน้าสานต่อกลไกคณะกรรมการเขตแดน (AOT) และคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คำแถลงร่วมเกิดผลในทางบวกอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งต้องสร้างกลไกสื่อสารสาธารณะเชิงรุก เพื่อป้องกันข่าวปลอมหรือการบิดเบือนที่อาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ