28 ต.ค. 68 พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ศปอส.ตร. หรือศูนย์วอร์รูม (war room) ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แถลงผลการจับกุมและสกัดกั้นกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่แอบเปิดศูนย์ปฏิบัติการในประเทศไทยรวมถึงการกดเงินสดและโอนทรัพย์สินออกจากประเทศไทย โดยพบว่าตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมามีการจับกุมคดีใหญ่ๆไปมากกว่า 7-8 คดี สามารถยึดทรัพย์และทลายกลุ่มเครือข่ายที่เกี่ยวข้องได้เป็นจำนวนมาก
โดยหนึ่งในกรณีที่น่าสนใจและมีความคืบหน้าคือกรณีของตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษหรือ 191 ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีกลุ่มชาวจีน เข้าออกบ้านเช่าหลังหนึ่งตลอดทั้งวันจนผิดสังเกตจึงโทรแจ้งทางสายด่วน 191 ให้เข้ามาช่วยตรวจสอบเพราะเกรงว่าอาจเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และจากการเข้าตรวจค้นพบว่าบ้านดังกล่าวเป็นศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง โดยมีสคริปต์และอุปกรณ์ต่าง ๆ
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ จากการตรวจสอบอุปกรณ์และสคริปต์ที่มี ทำให้ทราบว่าศูนย์ดังกล่าวเป็นศูนย์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไซซ์ s ที่มีกลุ่มนายทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเกิดจากการปราบปรามกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เมียวดี และพื้นที่ประเทศกัมพูชา จึงเกิดการอพยพข้ามฝั่งเข้ามาตั้งถิ่นฐานส่วนหนึ่งอยู่ในประเทศไทย และพบแนวโน้มว่าจะมีการแอบเข้ามาเปิดฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไซซ์ s ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ตำรวจไม่ห่วงหรือหนักใจ เพราะจะยิ่งทำให้การทำงานของตำรวจง่ายมากขึ้นในการสกัดการโอนเงินและทรัพย์สินต่าง ๆ รวมถึงการจับกุมและทลายฐานปฏิบัติการในประเทศไทย เพราะที่ผ่านมากลุ่มผู้ต้องหาปฏิบัติการอยู่ในต่างประเทศทำให้ติดตามจับกุมตัวได้ยาก แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในประเทศไทยจะยิ่งทำงานได้ง่ายขึ้น และยืนยันว่าตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐของไทยไม่เอาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากพบจะจับกุมทันที
นอกจากนี้ ยังทำความเข้าใจไปถึงเจ้าของห้องเช่าอพาร์ทเม้นท์บ้านเช่า ให้ปฏิบัติตามกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง หากพบชาวต่างชาติเข้ามาพักอาศัยให้แจ้งข้อมูลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพราะอาจจะผิดกฎหมายหากไม่แจ้ง แต่ขอให้เจ้าของที่พักสบายใจ เรื่องการจับกุมดำเนินคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้คอนโดมิเนียม ห้องเช่าอะพาร์ตเมนต์ บ้านเช่า หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและพบความผิดปกติของกลุ่มคนที่มาพักอาศัย สามารถแจ้งสายด่วน 191 ได้ทันที โดยตำรวจจะปิดข้อมูลให้เป็นความลับและจะไม่มีความผิดเกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มาใช้บริการ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวพาดพิงมาถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจและรัฐบาลเกี่ยวกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่มีความก้าวหน้าและเป็นเหมือนปาหี่ พลตำรวจโทไตรรงค์ ชี้แจงว่า อยากให้ดูสถิติตัวเลขของศูนย์วอร์รูม ตั้งแต่ตั้งศูนย์มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา เรารับเคส 916 เคส เราสามารถอายัดทัน 426 เคส ความเสียหายทั้งหมด 559 ล้านบาท สามารถอายัดทัน 182 ล้านบาท และปัจจุบันสูงมากขึ้น
เพราะฉะนั้น การจับกุมสามารถจับกุมม้าพลีชีพ ม้าทองคำ ม้ากดเงิน 200 กว่ารายในรอบไม่กี่เดือน การทำงานมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ธนาคารของศูนย์วอร์รูม ที่เสียสละ ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเองเลยแต่ก็ยังปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยอายัดเงินของผู้เสียหายกลับคืนมา ต้องขอให้กำลังใจ ขอบคุณและขอชี้แจงไปถึงประชาชน ขอให้มั่นใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในปัจจุบัน ที่ยังเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ เราทำงานเต็มที่ภายใต้หน้าที่และความรับผิดชอบของเราและความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งความเสียหายและการจับกุมคนร้าย
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ให้ค่ากับคำติชมนี้มากน้อยแค่ไหน พลตำรวจโทไตรรงค์ ตอบว่าเป็นตำรวจก็ต้องรับฟังพี่น้องประชาชน ไม่ว่าพี่น้องประชาชนท่านนั้นจะเป็นอดีตข้าราชการตำรวจหรือไม่ใช่อดีตข้าราชการตำรวจก็ตาม เป็นประชาชนสามารถติชมได้ มองว่าต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ แปลว่าท่านยังไม่เข้าใจในการทำงานของตำรวจว่าปัจจุบันเขาทำงานกันอย่างไร ทำอะไรกันบ้าง อาจจะไม่มีคนสื่อสารไปถึง ท่านอาจจะไม่เข้าใจ ก็จะอธิบายให้เข้าใจ หากไม่เข้าใจอีกในประเด็นไหน ก็พร้อมที่จะอธิบายให้เข้าใจในฐานะที่เป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้ศูนย์วอร์รูมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเป็นอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ของคณะอำนวยการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของรัฐบาลด้วย