ตะลุยจับแก๊งเปิดบัญชีม้า 6 ราย  เอื้อแก๊งสแกมเมอร์ หลอกผู้เสียหายสูญเงินกว่า 5 ล้านบาท

ตะลุยจับแก๊งเปิดบัญชีม้า 6 ราย เอื้อแก๊งสแกมเมอร์ หลอกผู้เสียหายสูญเงินกว่า 5 ล้านบาท

View icon 238
วันที่ 3 พ.ย. 2568 | 14.18 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (3 พ.ย. 68) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.)  ร่วมกันจับกุม 1. นางพาดี อายุ 72 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงเดชอุดม ที่ 178/2568 ลง 17 ก.ย. 68 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง โดยทุจริต หรือร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งและเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงืนฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง” สามารถจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านในพื้นที่ อ. เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด

2. น.ส.เสาวนิตย์ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 633/2568 ลง 7 ต.ค. 68 ความผิดฐาน “สนับสนุนในความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดย หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่ง, ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม และ เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงิน อิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาที่จะเพื่อหรือเพื่อกิจการที่เกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยอมใช้ หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่น” สามารถจับกุมได้ที่บริเวณโรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

3. นายปฐมพงศ์ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 645/2568 ลง 7 ต.ค. 68 ความผิดฐาน “สนับสนุนในความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือ หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ปลอมเอกสารราชการและ ใช้เอกสารราชการปลอม และ เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงิน อิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือใช้เลข หมายโทรศัพท์สำหรับการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” สามารถจับกุมได้ที่บริษัทรับซื้อของเก่าในพื้นที่ ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง

4. น.ส.อภิญญา อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุรินทร์ ที่ จ.38/2568 ลง 8 ส.ค. 68 ความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นชายหรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยประการที่รู้ หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด” สามารถจับกุมได้ที่บริเวณหน้าแห่งหนึ่ง ต.หนองบัว อ.นามน จ.กาฬสินธุ์

5. นายศรชัย อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดกำแพงเพชร ที่ 392/2568 ลง 7 พ.ย. 67 ความผิดฐาน "ร่วมกันโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด" สามารถจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ต.หนองบัว อ.นามน จ.กาฬสินธุ์

6. นายต้อย อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ 168/2566 ลง 15 ก.ค. 66 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานที่ต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง” สามารถจับกุมได้ที่บริเวณบ้าน ถนน เอกชัย แขวงบางบอนเหนือ กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี พ.ศ.2567-2568 ผู้เสียหายจำนวนหลายรายได้ทยอยเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายแก๊งสแกมเมอร์ (Scammer) ที่ได้หลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น กลุ่มจัดหางานไปต่างประเทศทางเฟซบุ๊ก, เพจเฟซบุ๊ก “สินเชื่อบุคคล ธุรกิจ” หลอกกู้เงินออนไลน, ทักแชท Messenger หลอกให้หลงรัก หลอกให้ลงทุนซื้อหุ้นทองคำ และหลอกร่วมลงทุนเงินดิจิตอล

โดยแก๊งสแกมเมอร์จะใช้กลอุบายการสร้างความน่าเชื่อถือแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ธนาคาร ตำแหน่งสูง หลอกพูดคุยสร้างความคุ้นเคย จากนั้นหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินลงทุน  ซื้อหุ้นทองคำ, ลงทุนเงินดิจิตอล และผู้เสียหายบางรายถูกหลอกผ่านเฟซบุ๊กกลุ่มจัดหางานในต่างประเทศ และผู้เสียหายบางรายถูกหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวผ่านการหลอกกู้เงินออนไลน์ ซึ่งการหลอกลวงผู้เสียหายของแก๊งสแกมเมอร์

ทำให้ผู้เสียหายสูญเงินกว่า 5 ล้านบาท โดยผู้เสียหายจะเป็นกลุ่มอดีตข้าราชการเกษียณสูงวัย, กลุ่มที่มีความต้องการกู้เงิน และกลุ่มที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. ได้ทำการสืบสวนและร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาที่เปิดบัญชีม้าขายให้กับแก๊งสแกมเมอร์ จำนวน 6 ราย ซึ่งจับกุมได้หลายพื้นที่ เช่น กรุงเทพฯ, จ.ร้อยเอ็ด, จ.กาฬสินธุ์, จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง และผู้ต้องหาบางรายมีหมายจับติดตัวถึง 4 หมายจับ ในหลายพื้นที่ จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนผู้รับชอบดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป