อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เผย “ไทย – กัมพูชา” เห็นพ้องสำรวจ และจัดทำหมุดชั่วคราว พื้นที่บ้านหนองจาน - หนองหญ้าแก้ว 17 พ.ย. นี้
วันนี้ (3 พ.ย.68) นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงผลหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา (Joint Declaration) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (JBC และ GBC) ว่า กลไก JBC เป็นกลไกทางเทคนิคในการสำรวจ และจัดทำเขตหลักแดน ซึ่งมีการประชุมสมัยวิสามัญไป เมื่อวันที่ 21 - 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่จังหวัดจันทบุรี และมีผลการประชุมแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก คือ ข้อแรก เป็นการซ่อมแซมทำหลักเขตแดน เพื่อเปลี่ยนหรือ ทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่เสียหาย ที่สองฝ่ายมีความเห็นตรงกันแล้ว
ข้อที่สอง คือ การเร่งรัดการแก้ไข TOR ปี ค.ศ. 2003 เพื่อนำเทคโนโลยี “LiDAR” มาใช้ในการทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ โดยเห็นชอบที่จะทดลองใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ภายในสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม 2568
ข้อที่สาม คือ ความเห็นพ้องต่อกระบวนการการสำรวจและจัดทำหลักเขตชั่วคราวอย่างเร่งด่วน บริเวณหลักเขตแดนที่ 42 - 47 ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องสามารถบริหารจัดการประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการครอบครองที่ดินในบริเวณดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อว่า จะมีส่วนช่วยในการลดการกระทบกระทั่ง และความขัดแย้งในรูปแบบต่าง ๆ ได้
ทั้งนี้ การสำรวจ และการจัดทำหมุดชั่วคราวอย่างเร่งด่วนนั้น กัมพูชาอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างคำแนะนำเทคนิค ส่วนฝ่ายไทย ได้จัดทำร่างและเสนอไปแล้ว โดยรอคำตอบอยู่ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 จากนั้นจะเริ่มการสำรวจ เพื่อวางหมุดชั่วคราวภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 โดยมีแผนงานคร่าว ๆ คือ เริ่มจากหลักเขตที่ 42 - 43 ตามด้วยหลักเขตที่ 46 - 47 และเขตหลักที่ 43 - 46 ตามลำดับ เมื่อทั้งสองฝ่ายดำเนินการแล้ว จะนำผลการสำรวจเสนอต่อรัฐบาลของแต่ละฝ่าย เพื่อออกความเห็นชอบ และกำหนดกลไกที่เหมาะสมสำหรับการปรับการถือครองที่ดินของทั้งสองฝ่ายต่อไป
นายเบญจมินทร์ ย้ำว่า การวางหมุดชั่วคราวอย่างเร่งด่วน มีวัตถุประสงค์เพื่อการสำรวจเท่านั้น ไม่ได้กระทบต่อสิทธิของไทย และกัมพูชา ในเรื่องเขตแดนตามกฎหมายระหว่างประเทศ และสิ่งที่ตกลงกัน คือ จะจัดให้มีการประชุม JBC อีกครั้ง เพื่อติดตามสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายดำเนินการ ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2569
ส่วนการแก้ TOR ค.ศ.2003 จะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบหรือไม่ นายเบญจมินทร์ กล่าวว่า TOR ฉบับดังกล่าว เป็นเพียงข้อปฏิบัติ ที่ต่อเนื่องมาจาก MOU พ.ศ.2543 จึงไม่มีปัญหาอะไรที่จะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ ซึ่งเป็นรายละเอียดข้อกำหนดของผู้ปฏิบัติเท่านั้น