เมื่อกลางดึกวานนี้ (3 พ.ย. 68) หน่วยกู้ภัย มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้นำร่าง น.ส.รัตนาภรณ์ อายุ 31 ปี ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ มาส่งที่ วัดป่าบ้านโคกเกลา(ธ) อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ หลังจากถูกแฟนหนุ่มชาวกัมพูชา ฆ่าเสียชีวิต ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะผูกคอเสียชีวิตตาม เหตุเกิดที่บ้านพักอาศัยในคอนโดฯ แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งมีความผิดปกติมีกลิ่นออกจากจากห้อง เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้กับครอบครัว น.ส.รัตนาภรณ์ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนางจุฑารัตน์ อายุ 52 ปี ผู้เป็นแม่ ได้แต่ร่ำไห้เสียใจระหว่างรับร่างของน้อง โดยนางจุฑารัตน์ เล่าทั้งน้ำตาว่า ทราบข่าวว่าไปคบกับแฟนชาวกัมพูชา ตนไม่พอใจ เพราะไม่ใช่คนบ้านเรา ยิ่งตอนที่เกิดเหตุความไม่สงบชายแดน ยิ่งอยากให้ลูกสาวเลิกกัน รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก
ด้าน นายกอบโชค อายุ 53 ปี อดีตกำนันตำบลโคกมะขาม เล่าว่า ครอบครัวนี้มีลูก 2 คน มีฐานะค่อนข้างยากจน แต่ก็ส่งลูกสาวคนเล็กที่เสียชีวิตจนเรียนจบระดับปริญญาตรี อุตส่าห์ดิ้นรนไปหางานทำที่กรุงเทพฯ เพื่อส่งเงินกลับมาบ้าน ดูแล้วน่าเวทนาเป็นอย่างมาก
ขณะที่ นางปารณีย์ อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.โคกมะขาม กล่าวว่า จริง ๆ แล้วไม่อยากเอาเรื่องชายแดนมาเกี่ยวข้อง แต่ฝ่ายชายจะต้องกลับประเทศ แต่กลับไม่ยอมกลับกัมพูชา ถ้ากลับไป เหตุการณ์คงไม่เกิดขึ้น อยากจะฝากถึงชาวต่างด้าวทุกคนที่มาอาศัยอยู่ประเทศไทย ควรจะสำนึกบุญคุณประเทศเขาบ้าง หางานได้เงินส่งกลับบ้านตัวเอง อย่ามาทำแบบนี้กับคนไทยอีก