ประธานาธิบดียูเครน เผย กองทัพรัสเซียส่งโดรนกว่า 450 ลำ และยิงขีปนาวุธ 45 ลูก โจมตีสถานีไฟฟ้าของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 10 คน
วันนี้ (9 พ.ย. 68) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กองทัพรัสเซียส่งโดรนและขีปนาวุธหลายลูกโจมตียูเครน เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายคือสถานีไฟฟ้าย่อยที่จ่ายไฟฟ้าไปให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 แห่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน
ทาง นายอังดรีย์ ซีบีฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน เผยว่า รัสเซียโจมตีสถานีไฟฟ้าย่อยที่จ่ายไฟให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “คเมลนีตสกี” (Khmelnytskyi) และ “ริฟเน” (Rivne) อีกครั้ง โดยการโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการโจมตีที่วางแผนมาอย่างดี รัสเซียจงใจทำให้ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ในยุโรปตกอยู่ในอันตราย
ขณะที่ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้ของรัสเซียรุนแรงมาก โดยมีการใช้ขีปนาวุธ 45 ลูก มีทั้งขีปนาวุธปบบทิ้งตัว และขีปนาวุธแบบร่อน นอกจากนี้ยังมีโดรนกว่า 450 ลำ ซึ่งนับเป็นการโจมตีที่โจ่งแจ้งและแสดงออกอย่างชัดเจน การการกดดันที่ไม่มากพอต่อรัสเซีย และการผ่อนปรนแรงกดดันที่มีอยู่ กลับยิ่งผลักดันให้ “ปูติน” ยืดเยื้อสงครามนี้ออกไป เพื่อสร้างอันตรายให้กับประเทศยูเครนและประชาชนยูเครนมากยิ่งขึ้น การตอบโต้อย่างอ่อนแอต่อความหยิ่งทะนงของรัสเซีย มันทำให้รัสเซียมีแรงจูงใจที่จะทำสงครามต่อไป จึงจำเป็นต้องมีมาตรการคว่ำบาตร แรงกดดัน และการสนับสนุนยูเครน มากเท่าที่จำเป็น จนกระทั่งรัสเซียไม่มีทางรอดในสภาวะสงครามอีกต่อไป
ทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เผยว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บ 12 คน ในเมืองดนีโปร หลังจากถูกโดรนของรัสเซียโจมตีอาคารอะพาร์ตเมนต์ และมีผู้เสียชีวิต 3 คน ในภูมิภาคซาปอริซเซียทางตะวันออกเฉียงใต้ และอีก 1 คน ในภูมิภาคคาร์คิฟทางตอนเหนือ
ขณะที่ นายยูเลีย สวีรีเดนโก นายกรัฐมนตรียูเครน กล่าวว่า โรงไฟฟ้าในเขตเคียฟ โปลตาวา และคาร์คิฟ ได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ประชาชนหลายพันคนไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ (8 พ.ย. 68) ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียได้เปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ด้วยอาวุธทางอากาศ ภาคพื้นดิน และทางทะเลที่มีพิสัยไกลแม่นยำสูง ต่อโรงงานผลิตอาวุธและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านก๊าซและพลังงาน เพื่อตอบโต้ต่อการโจมตีของยูเครน
