“ภราดร” เผย ปริมาณน้ำเขื่อนภูมิพลแตะ 99 % คาด ไม่เกิน 3 วันเต็มความจุ สั่งเร่งระบายเพิ่ม-ส่งผลน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาหนุนสูง จ่อ ผันน้ำออก 2 ฝั่ง เตือนพื้นที่เกษตรกรรมรับผลกระทบ รับ กทม.-ปริมณฑล เริ่มท่วมขังหลายจุด เชื่อไม่รุนแรงเท่าปี 54 ย้ำติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
10 พฤศจิกายน 2568 นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำ ว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย และกรมชลประทาน ว่าสถานการณ์ล่าสุดของเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก มีปริมาณน้ำมากถึง 99 % แล้วจากการประเมินพบว่าน้ำเข้าเขื่อนภูมิพล ประมาณวันละ 90 ล้านลูกบาศก์เมตร และปล่อยออกขณะนี้อยู่ที่ 45 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าถ้ายังคงมีน้ำเข้าเขื่อนเพิ่มขึ้นจากวันนี้ไปไม่เกิน 3 วัน ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลจะเต็มความจุ เป็นเหตุให้เขื่อนภูมิพลต้องประเมินเพื่อที่จะมีการระบายน้ำเพิ่มใน 2-3 วันที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ในช่วงของการประเมิน ซึ่งน้ำที่เขื่อนภูมิพลระบายมาทั้งหมดจะลงมาอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ และต่อเนื่องมาที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ซึ่งทุกวันนี้ระบายน้ำอยู่ที่ 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่หากน้ำจากเขื่อนภูมิพลระบายลงมาเติมจะทำให้การระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยามากกว่าเดิม ซึ่งหมายความว่าพื้นที่ใต้เขื่อนจะต้องได้รับผลกระทบมากขึ้น ตั้งแต่จังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา จนถึงกรุงเทพมหานคร
อย่างไรก็ตาม มีการประเมินสถานการณ์ และหน่วยงานต่างๆ ทราบดีถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหากมีการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา เกินกว่า 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยกรมชลประทานเสนอว่าจะระบายน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานไปด้านตะวันตก และตะวันออกเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นทุ่งที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมเพิ่มเติมมากขึ้น จึงต้องแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เกษตรกรรมว่าช่วง 2-3 วันนี้ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นอาจจะต้องระบายน้ำเข้าไปเก็บไว้ในทุ่งเพิ่มเติมมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ขณะที่ เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ปริมาณน้ำไหลเข้าวันพรุ่งนี้ (11 พ.ย.) คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำที่ไหลเข้าจะลดลงเป็นลำดับทำให้สามารถลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ จากวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ลดเหลือ 5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งจะทำให้น้ำที่จะไปเติมที่จังหวัดนครสวรรค์ และเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ไม่เพิ่มขึ้นมากนัก จึงต้องประเมินสถานการณ์ช่วง 2-3 วันนี้อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามรัฐบาล สนทช. และกรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำที่มีปริมาณมากในรอบปีนี้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด และทำให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนน้อยที่สุด
ทั้งนี้ ได้รับแจ้งล่าสุดส่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ว่าขณะนี้ได้ดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาครัวละ 9,000 บาท ชดเชยให้กับพี่น้องประชาชนได้ถึง 60 % - 70 % แล้ว คาดว่าไม่เกินวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ จะชดเชยให้พี่น้องประชาชนได้ครบ 100 %
นายภราดร ยังกล่าวถึงข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี เรื่องการชดเชยเยียวยาในกรณีเพิ่มเติมสำหรับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมมากกว่า 30 วัน และ 60 วัน ว่าทางรัฐบาลจะพิจารณาในส่วนนี่เพิ่มเติมตามลำดับ ซึ่งจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆนี้
เมื่อถามว่า กรุงเทพมหานครจะได้รับผลกระทบในกรณีที่เขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำในระดับที่เท่าไหร่ นายภราดร กล่าวว่า จริงๆวันนี้ก็เริ่มได้รับผลกระทบแล้วในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ แต่ที่เกรงว่าจะมีปัญหาเหมือนปี 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือไม่นั้น จากการประเมิน และรับทราบข้อมูลในขณะนี้สามารถยืนยันได้ว่า ความรุนแรงคงไม่รุนแรงเหมือนปี 2554 เพราะในปีดังกล่าวปริมาณน้ำมากกว่านี้ และเกิดอุบัติเหตุที่คลองบางโฉมศรี จังหวัดสิงห์บุรี ทำให้ไม่สามารถควบคุมทิศทางน้ำได้ แต่วันนี้อุบัติเหตุยังไม่เกิดขึ้น และจะพยายามควบคุมไม่ให้เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้เหมือนปี 2554
ส่วนปัจจัยน้ำทะเลหนุน กรมอุทกศาสตร์แจ้งว่าหลังจากนี้ปริมาณน้ำทะเลหนุนจะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งจะช่วยให้การระบายน้ำคล่องตัวมากขึ้น
ส่วนโอกาสที่จะระบายน้ำถึง 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีหรือไม่ จะต้องดูสถานการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำเติมเข้ามาในพื้นที่ใต้เขื่อนภูมิพล และเหนือเขื่อนภูมิพลเท่าไหร่ อย่างที่บอกว่าถ้ามีปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลมาก ก็เท่ากับบีบบังคับให้ต้องระบายน้ำออกมาจากเขื่อนภูมิพลมากขึ้น ดังนั้น ต้องรอประเมินสถานการณ์น้ำที่จะเข้าสู่ช่วง 2-3 วันนี้
ส่วนปัญหาการระบายน้ำที่ขณะนี้มีประชาชนทะเลาะกัน นายภราดร กล่าวว่า เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอด ซึ่งเข้าใจสถานการณ์ที่ชาวบ้านออกมาเรียกร้อง เพราะการระบายน้ำกระทบต่อการดำรงชีวิต จึงต้องแจ้งให้กับกรมชลประทานได้ทราบว่าต้องระบายน้ำออกไปที่ด้านท้ายประตู แต่แน่นอนว่าต้องมีน้ำที่เข้าไปอยู่บางพื้นที่ ซึ่งก็มีประชาชนอยู่เช่นเดียวกัน ดังนั้น ต้องเชิญทั้งทั้งสองฝ่ายมาเจรจาผ่อนนักเป็นเบาเฉลี่ยสุข ไม่ใช่ให้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งรับความเดือดร้อน ขณะที่อีกพื้นที่หนึ่งไม่ได้รับความเดือดร้อนเลย ซึ่งในสถานการณ์วิกฤตแบบนี้ควรจะต้องแบ่งเบาช่วยเหลือกัน