กรมชลประทานปรับลดน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เช้านี้ระบายน้ำเท่าเมื่อวาน ที่ 2,688 ลบ.ม./วินาที คาดช่วง 20 – 24 พ.ย. จะสามารถปรับลดการระบายน้ำเหลือ 2,400 – 2,700 ช่วยให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดลงเพิ่มอีก
กรมชลประทานอัปเดตสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา เวลา 06.00 น. (19 พ.ย.68)
สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,793 ลบ.ม./วินาที (วานนี้ 2,868 ลบ.ม./วินาที) ระดับน้ำ 24.49 ม. (ต่ำกว่าตลิ่ง 1.21 ม.) แนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท (สถานี C.13) เช้านี้มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,688 ลบ.ม./วินาที (วานนี้ 2,688 ลบ.ม./วินาที)
ส่วนที่สถานี C.29B อ.สามโคก จ.ปทุมธานี (จุดรวมน้ำก่อนไหลผ่านกรุงเทพฯและปริมณฑล) ปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย 2,237 ลบ.ม./วินาที (วานนี้ 2,230 ลบ.ม./วินาที)
กรมชลประทาน ยังคงหน่วงน้ำส่วนหนึ่งไว้บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาอย่างเต็มศักยภาพ และปรับลดการระบายท้ายเขื่อนให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำเหนือ เพื่อลดผลกระทบด้านท้ายน้ำให้ได้มากที่สุด
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวม 69,438 ล้าน ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 91 ของความจุรวมทุกอ่าง สะท้อนให้เห็นว่าปีนี้ประเทศไทยมีน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปริมาณฝนที่มากกว่าค่าเฉลี่ย ขณะที่ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 18 พฤศจิกายน 2568 มีปริมาณน้ำสะสมรวมกันกว่า 53,680 ล้าน ลบ.ม. สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 16 ปี ถึง ร้อยละ 33
เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวม 24,562 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุอ่างฯรวมกัน
คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 20 – 24 พฤศจิกายน 2568 จะสามารถ ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ลงเหลือ 2,400 – 2,700 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะช่วยให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ลดลงเพิ่มอีก 0.40 – 0.75 เมตร
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้เร่งระบายน้ำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง มีการใช้โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงจังหวะน้ำทะเลลง ออกสู่อ่าวไทยให้เร็วที่สุด