เวลา 16.29 น. วันนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปยังศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 5-6 เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ทอดพระเนตรผลิตภัณฑ์ Home & Decor หรือ เฟอร์นิเจอร์ที่นำผ้าไทยจากชุมชนต่าง ๆ มาตกแต่ง และชุดจากดีไซเนอร์แบรนด์ไทย จากนั้น ทรงเป็นประธานงาน "Silk Festival 2025 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน" ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จัดขึ้นโดยน้อมนำแนวพระดำริ "ผ้าไทยใส่ให้สนุก" คือ ความสุข ซึ่งได้เลือกใช้ศิลปหัตถกรรมไทย เพื่อให้รายได้กลับสู่ชุมชน ส่งเสริมและกระตุ้นผ้าไทย ให้ทันสมัยสู่สากล เป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัย และทุกโอกาส รวมทั้ง เพื่อเป็นการฟื้นคืนภูมิปัญญาผ้าไทยในภูมิภาคต่าง ๆ ที่กำลังจะสูญหาย ให้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง นำมาซึ่งการสร้างงาน สร้างรายได้อย่างยั่งยืน
โอกาสนี้ พระราชทานเหรียญรางวัลแก่คณะทำงานกระทรวงมหาดไทย และกรมการพัฒนาชุมชน ที่สนองงานผ่านโครงการ "ผ้าไทยใส่ให้สนุก" ประจำปี 2568 รวมทั้ง ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด ผู้เป็นบุคคลต้นแบบในการขับเคลื่อนโครงการตามแนวพระดำริ "ผ้าไทยใส่ให้สนุก" ประจำปี 2568, พระราชทานเหรียญรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดผ้าลายพระราชทาน "ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์" และงานหัตถกรรมระดับประเทศ ประจำปี 2568 แบ่งเป็น เหรียญรางวัลพิเศษ "รวมดาวสาวสยาม" ได้รับเหรียญทอง ได้แก่ ผ้าเทคนิคผสมพื้นเมือง จากกลุ่มผ้าทอลายมงคลมนตราธิกาญจน์ จังหวัดกาฬสินธุ์ รวมทั้ง รางวัลเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง แก่ผู้ชนะการประกวดฯ ประเภทผ้า 14 ประเภท รวม 54 รางวัล และประเภทงานหัตถกรรม จำนวน 5 รางวัล โดยปีนี้ มีกลุ่มผู้ผลิต, ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้า และเครื่องแต่งกาย รวมทั้ง ช่างทอผ้าและงานหัตถกรรมจากทั่วประเทศ ส่งผลงานเข้าประกวดฯ รวม 8,336 ผืน และงานหัตถกรรม จำนวน 567 ชิ้น, พระราชทานเหรียญรางวัลแก่นักออกแบบผ้าไทยใส่ให้สนุกรุ่นใหม่ หรือ Young Designer 2025 จำนวน 1 รางวัล และพระราชทานโล่รางวัลต้นกล้านารีรัตน แก่ผู้ชนะการประกวดตามโครงการพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาผลิตภัณฑ์ Young OTOP สู่สากล ประจำปี 2568 จำนวน 5 รางวัล
จากนั้น ทอดพระเนตรผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่นำผ้าและงานหัตถกรรมจากการประกวดผ้าลายพระราชทาน "ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์" และงานหัตถกรรม รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานคำแนะนำจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มาจำหน่าย แล้วทอดพระเนตรนิทรรศการ "Silk Festival 2025 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน" ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด "BRING THE VILLAGE TO THE WORLD" เพื่อเทิดพระเกียรติฯ ที่ทรงฟื้นฟูภูมิปัญญาผ้าไทยไปสู่สากล และนำเสนอผลงานความสำเร็จของโครงการ "ผ้าไทยใส่ให้สนุก" ในพระดำริฯ ที่ดำเนินการในปี 2568 อาทิ นิทรรศการเทิดพระเกียรติในโอกาสที่ทรงได้รับการเชิดชูพระเกียรติและถวายเหรียญสดุดี โดย ยูเนสโก (UNESCO) และรางวัล "ความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์ : WIPO Award for Creative Excellence 2025" จากองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก หรือ WIPO
Young OTOP 2025 พลังเยาวชนสู่การยกระดับภูมิปัญญาไทยสู่สากล เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่ ทายาทผู้ประกอบการ OTOP และประชาชนผู้สนใจ ได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผืนผ้าและผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด
Future Fashion 2025 : Miracle Yarns "นวัตกรรมเส้นใยธรรมชาติสู่แฟชั่นแห่งความยั่งยืน" โดยให้ความสำคัญกับ "เส้นใยธรรมชาติ" ทั้งจากพืชและสัตว์
Kraam International Symposium 2025 นำเสนอความรู้ด้านหัตถศิลป์ไทยในบริบทสากล มุ่งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้เชี่ยวชาญ นักออกแบบ และช่างฝีมือทั้งไทยและนานาชาติ
หนังสือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026 ผลงานเล่นที่ 6 โดยถ่ายทอดแนวคิดหลัก "อนาคตแห่งแฟชั่น: สรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน" Fututure Fashion: Creative Innovation for Sustainability ผ่านการศึกษานวัตกรรมจากงานหัตถกรรมพื้นบ้าน โดยเฉพาะเส้นใยธรรมชาติ 12 ชนิด
จากนั้น ทอดพระเนตรการแสดงแบบภูมิปัญญาจากผ้าไทย (Sustainable Fashion) โดยดีไซเนอร์แบรนด์ไทย จำนวน 31 แบรนด์ ซึ่งพัฒนาและถ่ายทอดพลังความคิดสร้างสรรค์ผ่าน 67 ชุด อาทิ ISSUE ใช้ผ้าไหม 4 เส้น จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตกแต่งด้วยวัสดุที่นำสีมาจากนพรัตน์ทั้ง 9 ตามความเชื่อมงคล เช่น ลายช้าง สื่อถึงความยิ่งใหญ่, ลายเต่า สื่อถึงอายุมั่นขวัญยืน
WISHARAWISH นำเสนอความเรียบง่าย แต่แผงรายละเอียดงานปักมือ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
SIRIVANNAVARI นำเสนอชุดผู้หญิง 3 ชุด และชุดผู้ชาย 1 ชุด ซึ่งทรงได้รับแรงบันดาลพระทัยจากงานศิลปะของไทยดั้งเดิม คือ เฟื่องอุบะ ที่ประกอบด้วย "ดอกไม้ไทย" ได้แก่ ดอกจำปี ดอกพุดซ้อน ดอกปีบ และดอกพุทรา มาถ่ายทอดผ่านงานปักสุดประณีต โดยช่างปักชั้นครูจาก Sirivannavari Atelier & Academy ที่สะท้อนเสน่ห์ความอ่อนช้อยของดอกไม้ไทยที่งดงาม โดยความพิเศษของปีนี้ คือ การนำ "ชุดไทยโบราณ" มาต่อยอดเป็นโครงสร้างหลัก ผสมผสานดีไซน์ร่วมสมัย ทั้งในเรื่องของรูปทรง สัดส่วน การตัดเย็บ และการเลือกใช้เครื่องประดับตกแต่ง ทำให้เกิดลุคใหม่ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นไทยอย่างสง่างาม
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถชมนิทรรศการฯ และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทผ้า เครื่องแต่งกาย ของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก และงานหัตถกรรม ได้ในงาน "Silk Festival 2025 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน" จนถึงวันที่ 7 ธันวาคมนี้