5 ประเด็นที่ 4 เหล่าทัพของไทยต้องตอบโต้กัมพูชา เพราะ พฤติกรรมซ้ำ ๆ รุกรานไทยก่อน แต่ปฏิเสธการกระทำ สร้างภาพเรียกร้องสันติภาพ จนสาธารณะชนไทยหมดความอดทนอดกลั้นกับกระทำของกัมพูชา
9 ธันวาคม 2568 เวลา 16.00 น. พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงสรุปสถานการณ์ภาพรวมเหตุการณ์ปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเปิดฉากยิงของฝ่ายกัมพูชา บริเวณภูผาเหล็ก พลาญหินแปดก้อน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษโดยได้กล่าว 5 ประเด็นที่ไทยต้องตอบโต้ในวันนี้
1.สถานการณ์ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการกระทำแบบเดิมของฝ่ายกัมพูชา ที่รุกรานไทย แต่ปฏิเสธการกระทำดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการยั่วยุในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การลอบวางทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชา แม้กระทั่ง กัมพูชายังพยายามสร้างภาพเรียกร้องสันติภาพ ทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายยั่วยุรุกรานก่อนตลอดเวลา
2.ไทยมุ่งมั่นในการปกป้องอธิปไตย และบูรพาแห่งดินแดนของไทย ไทยจำเป็นต้องดำเนินการทางการทหารจนถึงที่สุด เพื่อปกป้องอธิปไตย
3.สาธารณะชนไทยหมดความอดทนอดกลั้น ต่อการดำเนินการของกัมพูชา ที่ไม่ได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน รวมถึงการที่คนไทยต้องเผชิญภัยคุกคามต่อความปลอดภัยมาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า และรัฐบาลไทย จึงต้องให้ความสำคัญสูงสุดต่อการปกป้องอธิปไตย และประชาชนของเรา จนกว่าอธิปไตยและบูรพาแห่งดินแดนไทยจะไม่ถูกคุกคาม
4.ท่าทีของไทย ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติการทางทหาร จะดำเนินการไปจนกว่ากัมพูชาจะเปลี่ยนแปลงจุดยืน เช่น กัมพูชาต้องกลับมาเลือกเดินบนเส้นทางสู่สันติภาพที่แท้จริง
5.กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงทุกข้อ รวมไปถึงถ้อยแถลงร่วมที่ได้มีการลงนามระหว่างนายกรัฐมนตรีของ 2 ประเทศ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงดังกล่าว ที่ได้ร่วมลงนามกันไปแล้ว จากการละเมิดดังกล่าวนำไปสู่การยุติ หรือ การระงับข้อตกลงต่างๆที่ฝ่ายไทยนั้น ได้ยุติเคลื่อนย้ายยุทธโทปกรณ์ขนาดหนักที่มีอนุภาพทำลายล้างสูง รวมถึงเรื่องความร่วมมือ การปฎิบัติการทางทหารต่างๆเ พราะทางฝ่ายกัมพูชาอย่างแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ภาพรวมการปฏิบัติการของกองทัพบก แถลงโดย พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า วันนี้มีการตอบโต้ด้วยอาวุธค่อนข้างหนาแน่น กัมพูชาตอบโต้ด้วย BM-21 รวมถึงมีการใช้โดรนทิ้งระเบิด หรือ โดรนพลีชีพใส่ฐานที่มั่นของฝ่ายไทย จำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงเช้าในหลายพื้นที่แนวชายแดน ส่วนของกองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังสุรนารี เช่น ช่องบก ช่องอานม้า ปราสาทตาควาย ปราสาทคณา โดยเฉพาะพื้นที่ของภูมะเขือ และประสาทตาเมือนทม ที่ฝ่ายกัมพูชามีความพยายามอย่างหนัก เพื่อต้องการยึดคืน
ส่วนฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยอาวุธเล็งตรง อาวุธวิถีโค้ง ซึ่งสร้างความเสียหายได้ในระดับหนึ่ง สำหรับในพื้นที่สำคัญทั้ง 4-5 พื้นที่ฝ่ายไทยยังคงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเข้าควบคุมที่สำคัญต่างๆนั้นให้ได้ ถึงแม้จะมีอุปสรรคจากการใช้อาวุธของฝั่งกัมพูชาก็ตาม ซึ่งปัจจุบันกองกำลังสุรนารี ยังคงปฏิบัติไปตามแผนในการต้านทานการโจมตีของทหารกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง และผลักดันทหารกัมพูชา ที่รุกล้ำอธิปไตย เพื่อให้ออกไปจากพื้นที่
ในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบโดยกองกำลังบูรพา สำหรับพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว วันนี้ เป็นวันที่ 2 จึงเป็นวันที่เข้าเคลียพื้นที่ ตรวจพบว่ากัมพูชา มีการใช้ทุนระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ PMN-2 ลักษณะพร้อมใช้งาน และระเบิดแสวงเครื่องพร้อมใช้งาน
สำหรับพื้นที่บริเวณบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว ทั้งหน่วยเฉพาะกิจที่ 11 ได้ปฏิบัติการใช้ปืนใหญ่รถถังยิงทำลายบ่อนกาสิโนของกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ติดแนวชายแดน สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นที่ตั้งของอาวุธยิงสนับสนุน และป้อมปืนกล แล้วก็เป็นคลังอาวุธของทหารกัมพูชา เพื่อที่จะใช้โจมตีฝ่ายไทยในพื้นที่ตรงข้าม บริเวณจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา ซึ่งปัจจุบันกองกำลังบูรพา กำลังปฏิบัติการณ์ที่หมาย โดยพบการโจมตีของทหารกัมพูชาที่ยังคงเข้าขัดขวางด้วยจรวด BM-21 และอาวุธวิถีโค้ง เช่น ปืนใหญ่ และปืน ค.อย่างต่อเนื่อง
ส่วนภาพรวมการปฏิบัติการของกองทัพเรือ แถลงโดย พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ระบุ สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดตราด การเปิดปฏิบัติการทางทหาร ตั้งแต่เช้าปฏิบัติการครั้งนี้มาจากการใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง ซึ่งเกิดจากการยั่วยุของฝ่ายตรงกัมพูชา ในพื้นที่บ้านหนองรี อำเภอเมือง จังหวัดตราด หรือ บ้านสามหลัง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันได้มีการหวนกลับเข้ามาตั้งฐานที่มั่นของทหารฝ่ายกัมพูชา มีการเพิ่มเติมกำลัง และมีการขุดคูเลท ทำบังเกอร์ สะสมยุทโธปกรณ์ และมีการวางกำลังเพิ่มเติม ทั้งพลซุ่มยิง และอาวุธหนักทางทหาร ซึ่งเชื่อได้ว่า ภัยนั้นใกล้ถึงตัวแล้ว กองทัพเรือ จึงตัดสินใจในการเปิดปฏิบัติการเมื่อเช้า จนถึงปัจจุบันอยู่ในระหว่าง ดำเนินการทางกลยุทธ์ มีการใช้อาวุธหนักในพื้นที่ตั้งแต่เช้ามืด จนถึงปัจจุบันการประเมินความเสียหายของฝ่ายตรงข้าม ในส่วนที่เป็นฐานที่มั่น คาดว่า อยู่ที่ประมาณ 80% ในส่วนอาคารหลัก ถูกทำลายเรียบร้อยแล้ว รวมถึงบังเกอร์ ที่คาดว่าจะใช้ในการเก็บยุทธโธปกรณ์ก็ถูกทำลายเช่นเดียวกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินกลยุทธ์เข้ายึดพื้นที่ แต่เนื่องจากว่า ฝ่ายตรงข้ามได้ใช้อาวุธหนักเป็นปืนใหญ่ ในการตอบโต้กำลังฝ่ายไทย ทำให้ฝ่ายไทย โดยกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด ยังไม่สามารถเข้ายึดพื้นที่ได้ นอกจากนี้ในพื้นที่ บ้านท่าเส้น ที่เป็นอาคารกาสิโน ที่เคยมีข่าวเมื่อหลายเดือนก่อน ด้านบนของตัวอาคาร ตรวจพบมีการติดตั้งสายการกวนสัญญาณต่อต้านโดรน จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจในการทำลายอุปกรณ์นั้น อย่างไรก็ตาม กำลังพลของกองทัพเรือ นาวิกโยธิน ยังปลอดภัย ไม่มีการสูญเสีย แต่อย่างใด
ส่วนภาพรวมการปฏิบัติการของกองทัพอากาศ แถลงโดย พล.อ.ท.จักรกฤษ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ระบุว่า การเริ่มใช้อาวุธในการโจมตีเป้าหมาย โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ การป้องกันหรือควบคุมไม่ให้ การปฏิบัติการทางอากาศนั้นส่ งผลกระทบกับพี่น้องประชาชน ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสู้รบไ ม่ว่าจะเป็นของฝ่ายไทยหรือฝ่ายกัมพูชา จึงนำไปสู่การตัดสินใจที่จะใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูงในการโจมตีเป้าหมาย เป็นการใช้ประโยชน์ ลักษณะสำคัญทางอากาศ ความแม่นยำสูง ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบกับพลเรือนน้อยที่สุด ซึ่งการทำงานนั้น เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกองกำลังทางอากาศ และกองทัพบก ทั้งกองกำลังสุรนารี และกองกำลังบูรพา แต่เป้าหมายที่ลึกเข้าไปในดินแดนของกัมพูชานั้น ก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ของกำลังกองทัพอากาศ ซึ่งการปฎิบัติภารกิจช่วง 2 วันที่ผ่านมา ยืนยันว่า ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีเป้าหมายอย่างไรบ้าง เป็นการโจมตี เพื่อดำรงไว้ ซึ่งขีดความสามารถ ในการปฎิบัติภารกิจของกำลังทางบกฝ่ายไทย และคำนึงถึงความปลอดภัยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในยุทธ์บริเวณ รวมถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกองทัพอากาศ ขอยืนยันว่า กองทัพอากาศมีความพร้อมสูงสุดในปัจจุบันในการสนับสนุนภารกิจของกองทัพไทย