เช้านี้ที่หมอชิต - เกิดเหตุปะทะที่บ้านหนองรี ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด หรือที่รู้จักในชื่อ "บ้านสามหลัง" ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด จนนาวิกโยธินไทยต้องออกโรง ขณะที่กองทัพไทย ยิงถล่มอาคาร กาสิโน ฝั่งกัมพูชา ชายแดนจังหวัดตราด
ทัพเรือไทย ยิงถล่ม กาสิโนทมอดา จ.ตราด
ชายแดนด้านจังหวัดตราด ทัพเรือไทย ได้ใช้ปืนใหญ่ขนาด 105 และ 155 มิลลิเมตร ยิงถล่มกาสิโนทมอดาเสียงดังสนั่น
เสียงปืนดังสนั่นมาถึงตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด ส่วนอีกคลิปจะเห็นกลุ่มควันสีดำ พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า จากอาคารกาสิโนทมอดา ซึ่งชาวกัมพูชาถ่ายคลิปไว้ได้เป็นปฏิบัติการของ ทัพเรือไทย ระดมยิงปืนใหญ่ขนาด 105 และ 155 มิลลิเมตร เข้าไปยังอาคารคาสิโนทมอดาซิตี้ และจุดบ้านสามหลังอย่างต่อเนื่อง ไม่ต่ำกว่า 10 ลูก ซึ่งพื้นที่นี้ได้สร้างรุกล้ำดินแดนไทย และเพื่อปกป้องเอาพื้นที่ของไทยกลับคืนมา
ทางฝั่งทหารไทย ไม่สามารถนำโดรนขึ้นตอบโต้ได้ เนื่องจากถูกอุปกรณ์รบกวนสัญญาณ หรือระบบ แอนตี้โดรน (Jammer) จากฝั่งกัมพูชา หลังหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) เข้าตรวจสอบ ก่อนจะพบเสาส่งสัญญาณรบกวนจำนวน 2 ต้น ตั้งอยู่บนดาดฟ้า กาสิโน 1 ต้น และพื้นที่ตรงข้ามบ้านชำรากอีก 1 ต้น หน่วยปฏิบัติได้ใช้โดรนกามิกาเซ่ เข้าทำลายเสาสัญญาณทั้งสองต้น จนสามารถหยุดการรบกวนสัญญาณได้สำเร็จ ก่อนจะใช้โดรนบินสำรวจความเสียหาย รายงานสถานการณ์เข้าหน่วยเหนือ
ด้าน นาวาเอก ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด เปิดเผยว่า ตั้งแต่เช้า ฝ่ายไทยและกัมพูชายิงสู้รบกันไม่หยุด โดยเฉพาะที่ฐานบ้านชำรากตรงข้ามกับฐานจอมวย บ้านทมอดา บ้านหนองรี ตำบลชำราก ทหารกัมพูชามีการขุดหลุมเป็นที่หลบซ่อน และโผล่ขึ้นมายิงต่อสู้กับทหารไทย
นอกจากนี้ยังมีฐานปืนใหญ่ยิงต่อสู้กับทหารไทย บางครั้งทหารไทยก็ต้องหลบเข้าที่กำบังเป็นระยะเช่นกัน โดยมีปืนใหญ่จากด้านล่างยิงสนับสนุนให้ทหารบุกเข้าประชิด แต่ยังทำไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายต่างตั้งป้อมยิงใส่กันตลอดเวลา
ระดมใช้ปืนใหญ่ถล่มบ้านสามหลัง จ.ตราด
ขณะที่ช่วงเย็น เวลา 17.00 น. ทหารไทยยังระดมยิงปืนใหญ่ชนิด 105 มิลลิเมตร และ 155 มิลลิเมตร ใส่บริเวณบ้านสามหลังจนเพลิงลุกท่วม แต่ยังไม่สามารถเข้ายึดพื้นที่ได้ เนื่องจากทหารกัมพูชาใช้คูเลตเป็นที่กำบัง หากทหารไทยบุกเข้าไปจะโดนยิงใส่
ซึ่งช่วงเวลา 17.30 น. มีเสียงปืนเล็กระดมยิงสนั่นคาดว่ามีการประจัญหน้ากันในพื้นที่บ้านสามหลัง และดังต่อเนื่องนานกว่า 5 นาที
สำหรับ "บ้านสามหลัง" เป็นพื้นที่พิพาทมานาน ก่อนหน้านี้ กองทัพเรือได้เข้ารื้อบ้านสามหลัง ทำให้กัมพูชาถอยร่นไป แต่โฆษกกองทัพเรือ บอกว่า พบว่ากัมพูชากลับมายึด เสริมกำลัง และปรับปรุงเรือนบริวารเป็นฐานที่มั่น ที่พัก ที่เก็บยุทโธปกรณ์ และเป็นฐานยิง มีการขุดคูเลตวางกำลังเพิ่ม ประกอบกับมีการเสริมกำลังด้วยพลซุ่มยิงและรบพิเศษ มีการลาดตระเวนในพื้นที่บ่อยครั้ง นอกจากจะนี้ยังมีการยั่วยุโดยใช้อากาศยานไร้คนขับมาตรวจการในพื้นที่ของไทย กระทำในจุดที่เป็นฐานที่มั่นของกองกำลังนาวิกโยธิน ที่ผ่านมากองทัพเรือพยายามเจรจาแล้ว แต่ไม่เป็นผล
ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลา 17.00 น. ทหารกัมพูชาโจมตีฝ่ายอย่างหนัก การสู้รบขยายวงกว้างและมีความรุนแรงด้วยจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ประมาณ 125 ครั้ง กระสุนลูกจรวด 5,000 นัด โดรนพลีชีพหรือโดรน FPV จำนวน 33 พื้นที่ ใส่ฐานและที่มั่นของฝ่ายเราในหลายแนวรบ โดยเฉพาะในพื้นที่ช่องอานม้า และช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี, เถียงตาม็อก จังหวัดศรีสะเกษ และช่องคนา ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายเราตอบโต้ด้วยอาวุธอย่างได้สัดส่วน
ชายแดนยิงไม่หยุด ชาวสวนห่วงสวนทุเรียน จ.ตราด
ส่วนบรรยากาศในหมู่บ้านชำราก ชาวบ้านอพยพไปเกือบหมดจนเงียบ เหลือแต่ชาวสวนบางคนที่ห่วงสวนทุเรียน ไม่ยอมอพยพ เพราะต้องคอยรดน้ำทุเรียน ใส่ปุ๋ย และฉีดยาป้องกันแมลง เนื่องจากทุเรียนอยู่ระหว่างผลิดอกออกผล หากทิ้งไปสวนทุเรียนจะเสียหาย ขาดทุนหลักล้านบาท จึงยอมเสี่ยงอยู่เฝ้าสวน