“อนุทิน” แจงเหตุผล “ยุบสภา” อ้างปัญหาการเมืองรุมเร้า รัฐบาลเสียงข้างน้อยขาดเสถียรภาพ

“อนุทิน” แจงเหตุผล “ยุบสภา” อ้างปัญหาการเมืองรุมเร้า รัฐบาลเสียงข้างน้อยขาดเสถียรภาพ

View icon 191
วันที่ 12 ธ.ค. 2568 | 08.41 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เหตุผล “ยุบสภา” เพราะปัญหาการเมืองรุมเร้า รัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่อาจบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพ
.
วันนี้ (12 ธ.ค.68) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2568 ดังนี้
.
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
.
ด้วยนายกรัฐมนตรี ได้นำความกราบบังคมทูลฯ ว่า ตามที่รัฐบาลได้เข้ารับหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2568 โดยเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งประกอบด้วยพรรคการเมืองหลายพรรคเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่มิได้มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
.
ในระหว่างที่ประเทศได้เผชิญความท้าทายหลายประการ เพราะความไม่แน่นอนรอบด้าน ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และภูมิรัฐศาสตร์ของโลก รวมทั้งสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
.
รัฐบาลได้เร่งดำเนินการทุกวิถีทางในการบริหารราชการแผ่นดิน ให้สามารถแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศที่รุมเร้าให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว รวมทั้งมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยและสันติสุขให้เกิดขึ้นกับชาติบ้านเมือง อันจะนำพาการเมืองการปกครองของประเทศให้ก้าวหน้าเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน อาทิ การผลักดันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ การเร่งแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า การขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ การช่วยเหลือเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ การป้องกันและปราบปรามบ่อนการพนัน การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยไซเบอร์ และการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ การเร่งแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสม ควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง รวมทั้งกำหนดมาตรการในการดำเนินการเพื่อรองรับและลดผลกระทบในด้านต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน แต่การบริหารราชการแผ่นดิน จำเป็นต้องมีเสถียรภาพ
.
อย่างไรก็ตาม โดยที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่มีปัญหารุมเร้าในหลายๆ ด้าน ส่งผลให้รัฐบาลไม่อาจบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพ หากปล่อยให้สภาวการณ์เป็นอยู่เช่นนี้ย่อมจะเกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง และกระทบต่อความเชื่อมั่นของนานาประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ อันจะนำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อระบบรัฐสภาและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
.
ในที่สุดทางออกที่เหมาะสม คือ การยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป อันเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนเจ้าของอำนาจสูงสุดโดยเร็ว เพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากและมีเสถียรภาพที่ได้รับอาณัติที่ชอบธรรมจากประชาชน เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยราบรื่นและเรียบร้อยสืบไป

.
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 103 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
.
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2568”
.
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
.
มาตรา 3 ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป
.
มาตรา 4 ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ในวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนด ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวัน แต่ไม่เกินหกสิบวัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
.
มาตรา 5 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้ง รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
.
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อนุทิน ชาญวีรกูล
นายกรัฐมนตรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง