วันนี้ (22 ธ.ค. 68) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ร่วมกันจับกุม 4 ผู้ต้องหา
1. นายธนพล อายุ 21 ปี เป็นบุคคลหมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ จ.303/2568 วันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2568 ข้อหา"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ฯ สามารถจับกุมได้ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ดูน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ของวันที่ (18 ธ.ค. 68) เวลา 10.00 น.
2. นายชีพชูชัย อายุ 49 ปี สามารถจับกุมได้ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ของวันที่ วันที่ (18 ธ.ค. 68) เวลา 07.00 น.
3. นายณฐพร อายุ 39 ปี เป็นบุคคลหมายจับของศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1732/2568 วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ.2568 ข้อหา"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ฯ สามารถจับกุมได้ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.สระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ของวันที่ วันที่ (18 ธ.ค. 68) เวลา 15.00 น.
4. น.ส.เนตรนภา เป็นบุคคลหมายจับของศาลอาญา ที่ 2424/2565 วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ฯ” และหมายจับของศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ จ.148/2567 วันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2567 ข้อหา"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ฯ” สามารถจับกุมได้ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.แขม อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษของวันที่ (18 ธ.ค. 68) เวลา 11.30 น.
พฤติการณ์แห่งคดี ตำรวจสอบสวนกลาง สืบสวนจนทราบว่า มีขบวนการบัญชีม้า หลบหนีซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี–ศรีสะเกษ หนีหมายจับหลายศาล ฯ
การสืบสวนเชิงลึกทำให้ทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมด 4 ราย เป็นบุคคลตามหมายจับ ในความผิดเกี่ยวกับ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน การใช้บัญชีม้า และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นอาชญากรรมไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชนจำนวนมาก
หลังติดตามพฤติการณ์อย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่สามารถเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 รายได้ครบถ้วน ผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับในคดีดังกล่าวมาก่อน
เจ้าหน้าที่จึงอ่านและแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาฟังและอ่านด้วยตนเอง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมาย ผู้ต้องหายืนยันว่าเข้าใจดี ก่อนทำบันทึกการจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนในพื้นที่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องหลังก่อนถูกออกหมายจับ ของแต่ละบัญชีม้า เส้นทางต่างกัน แต่ปลายทางเดียวกันผู้ต้องหาที่ 1 นายธนพล ให้การว่า เห็นโฆษณารับทำงานออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก เสนอค่าจ้างเปิดบัญชีเพียง 400 บาท ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงตกลงเปิดบัญชีให้
ภายหลังบัญชีดังกล่าวถูกนำไปใช้โดยแก๊งมิจฉาชีพ แฝงตัวในกลุ่มซื้อขายรองเท้าแบรนด์เนม หลอกขายสินค้ามือสองราคาถูก เหยื่อโอนเงินแล้วถูกตัดการติดต่อ คดีนี้มีผู้เสียหายหลายราย ความเสียหายรวม หลักแสนบาท
ผู้ต้องหาที่ 2 นายชีพชูชัย เคยต้องโทษจำคุกในคดียาเสพติดหลายครั้ง ให้การว่า หลงเชื่อเพื่อนที่รู้จักกันในเรือนจำ รับจ้างเปิดบัญชีแลกเงิน 500 บาท โดยไม่ทราบว่าจะถูกนำไปใช้ทำอะไร ต่อมาทราบว่ามีหมายเรียกจากตำรวจ จึงหลบหนีไปอาศัยอยู่กับญาติใน จ.อุบลราชธานี ก่อนถูกจับกุมในที่สุด
ผู้ต้องหาที่ 3 นายณฐพร สารภาพว่า เปิดบัญชีตามคำชักชวนของอดีตคนรัก ทำไปด้วยความไว้ใจ ไม่คิดว่าจะผิดกฎหมาย หลังเลิกรากันและกลับมาอยู่บ้าน จึงทราบจากเจ้าหน้าที่ว่าบัญชีแห่งความรักนั้น กลายเป็น “บัญชีม้า” ที่ใช้หลอกลวงประชาชนไปแล้ว
ผู้ต้องหาที่ 4 น.ส.เนตรนภา (มี2หมายจับ) ให้การว่า เคยหลอกขายสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่นาฬิกาดิจิทัลกว่า 40 เครื่อง ไปจนถึงสินค้าแฟชั่นราคาส่ง ใช้วิธีรับเงินผ่าน e-wallet ของคนรู้จัก แล้วโอนต่อเข้าบัญชีตนเอง เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เมื่อได้เงินแล้วจะปิดช่องทางติดต่อและหาเหยื่อรายใหม่โดยอ้างเหตุ “ร้อนเงิน”
ต่อมายังรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร บัญชีละ 500 บาท เนื่องจากต้องการนำเงินมาดูแลครอบครัว โดยไม่รู้ว่าบัญชีถูกนำไปใช้ในขบวนการ Scammer