วานนี้ เวลา 19.19 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทอดพระเนตรการแสดงละครเสภา เรื่องขุนช้าง-ขุนแผน ตอนพลายชุมพล ซึ่งมูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จัดขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 73 พรรษา โอกาสนี้ พระราชทานของที่ระลึกแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ และผู้สนับสนุนการจัดงานฯ
จากนั้น ทอดพระเนตรรำแสดงความอาลัยถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง "ยี่สิบสี่ตุลา มหาวิปโยค", รำถวายพระพร และการแสดงละครเสภาเรื่อง "ขุนช้าง ขุนแผน ตอน พลายชุมพล" ซึ่งมูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย จัดการแสดงละครเทิดพระเกียรติ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่ออนุรักษ์ สืบสาน ศิลปวัฒนธรรมไทย อันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ภายใต้โครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม "ระบำ รำ ฟ้อน ละครเสภา" เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณ และพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ในการอนุรักษ์ สืบสาน รักษา และต่อยอดศิลปวัฒนธรรมไทย การแสดงแบ่งเป็น 2 องก์ คือ "ขุนแผนได้แก้วกิริยา" และ "ศึกโกลาสองพี่น้อง" การแสดงเริ่มด้วยการขับเสภา โดยนายสมชาย ทับพร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ดนตรีไทย-ขับร้อง ปีพุทธศักราช 2565 พร้อมด้วยนักแสดง ศิลปินรับเชิญ และนักแสดงสมัครเล่นจากชมรมนาฏศิลป์ดนตรีไทยอุดมศึกษาของมูลนิธิฯ มาร่วมแสดง และการแสดงระบำม้า และระบำดอกไม้ จบด้วยนักแสดงทั้งหมด พร้อมใจรำประกอบเพลงเพื่อแสดงความจงรักภักดี
"ละครเสภา" มีวิวัฒนาการมาจากการขับเสภา ที่นิยมนำวรรณคดีต่าง ๆ มาขับเสภา โดยเฉพาะเรื่อง "ขุนช้าง-ขุนแผน" เดิมไม่มีดนตรีประกอบ จนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีวงปี่พาทย์บรรเลงประกอบ มีการแทรกเพลงสำหรับร้องส่งให้ปี่พาทย์รับในบทที่สมควรแก่การขับร้อง ส่วนบทเป็นการดำเนินเรื่องก็ให้ใช้ขับเสภา ส่วนตอนที่เป็นบทสู้รบและอื่น ๆ ปี่พาทย์จะบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ประกอบ ต่อมาจึงให้ตัวละครมาแสดงตามบทเหมือนการแสดงละครนอก
ภายหลังจบการแสดง พระราชทานช่อดอกไม้ แก่ ศิลปินแห่งชาติ, ผู้แทนนักแสดง, นักร้องประสานเสียง และประธานมูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทยฯ เรื่องขุนช้างขุนแผน เผยแพร่ครั้งแรกในรูปแบบนิทานเล่าปากต่อปาก ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง และนำมาแต่งเป็นบทเสภาในสมัยรัชกาลที่ 2 พิมพ์เป็นเล่มครั้งแรกในปี 2415 ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงชำระวรรณคดีเรื่อง "ขุนช้าง-ขุนแผน" ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ จัดพิมพ์เผยแพร่ รวม 43 ตอน และในปี 2553 กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ประกาศให้วรรณคดี เรื่อง "ขุนช้าง-ขุนแผน" ขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม สาขาวรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา ประเภทนิทานพื้นบ้าน