เช้านี้ที่หมอชิต - การประชุม GBC เมื่อวาน รองเสนาธิการทหาร และเลขาธิการ GBC ของไทย เชื่อว่าตัวแทนฝั่งกัมพูชามีการส่งสัญญาณที่ดี และวันนี้จะมีการประชุมกันต่อ
โดยก่อนการประชุมเมื่อวานนี้ ที่จัดขึ้นในเวลา 16.00 น. ที่บริเวณด่านถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี พบว่าทางฝั่งกัมพูชาได้เข้าไปตั้งออฟฟิศชั่วคราว เป็นเต็นท์สีขาวติดแอร์ ห่างจากด่านถาวรบ้านผักกาด เพียง 30 เมตร ส่วนฝ่ายไทยใช้โรงแรมชาเที่ยมรีสอร์ต เป็นออฟฟิศชั่วคราวเพื่อประชุมหารือก่อนเข้าประชุม GBC
กระทั่ง ช่วงเวลา 16.25 น. จึงมีการเดินทางไปพบกับตัวแทนฝังกัมพูชา ที่ด่านถาวรบ้านผักกาด ซึ่งฝั่งกัมพูชาตัวแทนประกอบด้วย พลตรี แยม โบราเดน รองหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา พร้อมคณะฝ่ายทหาร และพลเรือน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยนำคณะของกัมพูชาเดินข้ามสะพานตรงมายังห้องประชุมของชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 4 ซึ่งเมื่อวานเป็นเพียงการมาเตรียมรายละเอียด และพบปะพูดคุย ถึงวาระการประชุมที่จะมีในการประชุม 2 วันนี้ ก่อนที่จะมีการหารือในรายละเอียดอีกครั้งในวันนี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมเต็มคณะ
โดย พลเอก ณัฐพงศ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร เปิดเผยว่า ได้ชี้แจงจุดยืนของไทย ต่อการประชุมครั้งนี้ให้ฝั่งกัมพูชาทราบ ซึ่งจากการพบปะพูดคุยกันเชื่อว่าน่าจะเป็นสัญญาณที่ดี
ซึ่งก่อนหน้านี้ ไทยเคยบอกแล้วว่า ต้องการให้กัมพูชาประกาศหยุดยิงก่อน, การยุติการใช้กำลังอย่างต่อเนื่อง และร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจัง โดยการประชุมเมื่อวานนี้มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และคณะเลขานุการ GBC เดินทางกลับกัมพูชาเวลา 17.00 น. อย่างไรก็ตาม การหารือของคณะเลขานุการ GBC จะมีไปถึงวันที่ 26 ธันวาคม ที่จะถึงนี้
ก่อนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2 ประเทศ จะมาพบกันในวันที่ 27 ธันวาคม เพื่อลงนามและอาจจะมีการแถลงการณ์ร่วมกันอีกครั้ง หากการหารือในอีก 2 วัน มีแนวโน้มที่ดี
ด้าน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประชุมผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ทั่วโลก ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ อยากให้เอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ ทำงานสื่อสารในเชิงรุก โดยตรงระดับสูงกับรัฐบาลของประเทศที่ประจำอยู่ เพราะอาจจะมีทัศนะที่คิดว่า ไทยอาจเป็นฝ่ายปฏิบัติการเกินความจำเป็น เนื่องจากกัมพูชาเป็นประเทศที่เล็กกว่า แต่ความเป็นจริงแล้ว ประเทศที่เล็กกว่าก็มีอาวุธหนัก สามารถสร้างความสูญเสียได้ไม่น้อย
เน้นย้ำจุดยืนของไทยไม่ได้ปิดประตูเจรจา แต่สงสัยว่าฝ่ายกัมพูชาพร้อมหรือไม่ หรือ ใช้การแสดงออกว่าอาจจะมีการเจรจา หรือ อาจเป็นเชิงกลยุทธ์ พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมารู้สึกว่ากัมพูชาไม่ได้มีความปรารถนาจริงในการหยุดยิง ซึ่งหวังว่าการเจรจาครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความจริงจัง และจริงใจ
ซึ่งการเจรจา GBC ที่เหลืออีก 2 วันนี้ หากตกลงกันได้ ในรายละเอียดและข้อตกลง จึงจะมีการลงนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันที่ 27 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ ที่บริเวณด่านถาวรบ้านผักกาด
ขณะเดียวกัน มีการเปิดหนังสือที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาส่ง พลเอก ณัฐพล นาคพานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่า ยินดีต่อการหาเรือเกี่ยวกับการหยุดยิง และยุติการสู้รบ รวมทั้งการประชุม GBC ที่จะจัดขึ้นวันที่ 24 ธันวาคม ซึ่งมีเรื่องการขอจัดประชุมที่ประเทศมาเลเซีย ที่ไทยปฏิเสธไปก่อนหน้านี้ รวมทั้งมีการเสนอวาระการประชุม ที่น่าสนใจดังนี้
1. การยุติการสู้รบทั้งหมดโดยทันที และการเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 และปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 อย่างเต็มที่ รวมถึงข้อตกลงอื่น ๆ ที่บรรลุภายใต้กรอบนี้
2. การกลับคืนสู่ถิ่นฐานและประกอบอาชีพตามปกติอย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี โดยปราศจากการขัดขวางของพลเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับก่อนเกิดการปะทะกัน
3. การระงับข้อพิพาทอย่างสันติวิธีโดยการกลับมาดำเนินการตามปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 อย่างเต็มรูปแบบโดยทันที และการเปิดใช้งานกลไกที่มีอยู่ภายใต้กรอบนี้อย่างเร่งด่วน รวมถึงการกำหนดเขตแดนและการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม
4. การเสริมสร้างบทบาทของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ในการรับรองการดำเนินการและการตรวจสอบการหยุดยิงและข้อตกลงอื่น ๆ ที่บรรลุภายใต้ปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์
ซึ่งมีความเป็นห่วงในสื่อโซเชียล เพราะวาระดังกล่าว โดยเฉพาะข้อที่ 2 ที่ระบุการกลับสู่ถิ่นฐาน ของพลเรือน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน ที่ได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับก่อนเกิดการปะทะ ซึ่งแปลว่า พื้นที่ที่ไทยใช้ชีวิตทหาร และอวัยวะทวงคืนมาได้ ก่อนหน้านี้ต้องกลับไปอยู่จุดเดิมใช่หรือไม่