วันนี้ (7 มี.ค.65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ และเข้าใกล้ระดับราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่สหรัฐฯ และยุโรปห้ามใช้น้ำมันดิบของรัสเซียในตลาดโลก
ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 20 ดอลลาร์ จากวันศุกร์ (4 มี.ค.65) ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 139.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเข้าใกล้ราคาน้ำมันดิบที่เคยทำสถิติสูงสุดเมื่อปี 2552 ที่ราคาพุ่งสูงถึง 147.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางคนคิดว่า ราคาน้ำมันดิบอาจมีการปรับสูงขึ้นอีก เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤตรัสเซีย ยูเครน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นยังส่งผลถึงราคาก๊าซธรรมชาติที่มีความเชื่อมโยงกับน้ำมันดิบ และคาดว่าจะปรับขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่ต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและน้ำมันในครัวเรือนที่สูงขึ้น ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น และธุรกิจต่างๆ ถูกบังคับให้ส่งต่อค่าน้ำมันที่สูงขึ้น