อดีตผู้บัญชาการกองทัพอังกฤษเผย หลังมือของประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” แห่งรัสเซีย เริ่มเป็นสีดำคล้ำด้านบน เนื่องจากได้รับการฉีดยาที่หลังมือ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่า ส่วนอื่นของร่างกายเข็มไม่สามารถเจาะได้แล้ว โดยมีข้อมูลของเครมลินที่รั่วไหลออกมายืนยันว่า วลาดิมีร์ ปูติน ป่วยเป็นโรค “พาร์กินสัน” และ “มะเร็งตับอ่อน”
วันนี้ (4 ต.ค. 65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ลอร์ดริชาร์ด แดนแนตต์ อดีตเสนาธิการกองทัพสหราชอาณาจักร กล่าวกับทาง “ สกายนิวส์” ตามรายงานของ “เดะซัน” ว่า มีผู้คนสังเกตเห็นว่า หลังมือของประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” แห่งรัสเซีย เริ่มเป็นสีดำคล้ำด้านบน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า วลาดิมีร์ ปูติน ได้รับการฉีดยาที่หลังมือ เนื่องจากส่วนอื่นของร่างกายเข็มไม่สามารถเจาะได้
ก่อนหน้านี้ เดะซัน รายงานว่า มีข้อมูลของเครมลินที่รั่วไหลออกมายืนยันว่า วลาดิมีร์ ปูติน ป่วยเป็นโรค “พาร์กินสัน” ที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์สมอง และป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนอีกด้วย นอกจากนี้ยังคาดว่า อาจป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย
โดยปกติ วลาดิมีร์ ปูติน มักจะปกปิดและซ่อนมือของเขาไว้ นอกจากนี้เขายังกลัวว่า จะถูกวางยาพิษ ซึ่งในการพบปะกับสาธารณชนและนักข่าว ทาง วลาดิมีร์ ปูติน พยายามจะไม่แตะต้องสิ่งใดด้วยมือของเขา เพราะไม่ไว้วางใจ เพราะเกรง่า จะถูกยาพิษจากการสัมผัสวัตถุ และถ้าต้องเขาดื่มน้ำขวดและแก้วทั้งหมดจะถูกเก็บไป โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเขาและนำไปทำการทดสอบ