สนามข่าว 7 สี - เหตุการณ์ที่คนงานรับเหมาไปพบศพผู้เสียชีวิตในแท็งก์น้ำ ที่อยู่ชั้นดาดฟ้า อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ย่านรามคำแหง ก็มีหญิงชาวเมียนมามาแสดงตัวว่าเป็นญาติ เชื่อว่าเป็นคนที่สูญหายไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
พันตำรวจเอก เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผู้กำกับการ สน.หัวหมาก เปิดเผยความคืบหน้าคดีพบศพหญิงสาวเสียชีวิตอยู่ในแท็งก์น้ำขนาด 1,250 ลิตร บนดาดฟ้าอาคารพาณิชย์ ในซอยรามคำแหง 1 แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ นางหุ้น อายุ 27 ปี สัญชาติเมียนมา หลังติดต่อเข้ามาว่า ศพที่พบอาจเป็นลูกพี่ลูกน้องที่หายตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากจดจำเสื้อผ้าได้ว่าชุดที่สวมใส่ก่อนหายตัวไปนั้นเป็นชุดเดียวกัน
พร้อมกับให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ญาติที่สูญหายไป ชื่อว่า นางเงิน อายุ 30 ปี เป็นชาวเมียนมาที่เข้ามาทำงานในไทยเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ นางเงิน จะทำงานเลี้ยงเป็ด และนำไข่เป็ดของนายจ้างในจังหวัดชลบุรีไปขาย แต่เนื่องจากญาติของตนมีอาการทางประสาท มักเหม่อลอย และเคยก่อเหตุขโมยไข่เป็ดของนายจ้างกินแล้วถูกจับได้ จึงถูกขู่ว่าหากทำแบบนี้อีกจะถูกไล่ออก ส่งกลับไปที่ประเทศเมียนมา ทำให้ นางเงิน เกิดความหวาดกลัว และมักไปหลบซ่อนตัวตามป่า กระทั่งตนเองไปรับตัวมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ 3-4 หลัง ในเดือนมิถุนายน แต่จากนั้นเพียง 4 วัน นางเงิน ก็หายตัวไปอีก เข้าใจว่าจะไปหลบซ่อนตัวเพราะความหวาดระแวง จึงไม่ได้แจ้งความ
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้นัดหมายพา นางหุ้น ไปเก็บตัวอย่าง DNA เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับ DNA จากศพ เพื่อยืนยันว่าตรงกันหรือไม่ ส่วนการสืบสวนทางคดีจะยังทำต่อไปตามกระบวนการ ซึ่งตามรายงานผลการสอบปากคำ "ผู้รับเหมาต่อเติมบ้าน" พบว่า คนงานชุดแรกที่เข้าไปทำงานเมื่อ 6 เดือนก่อน มีด้วยกัน 4 คน เป็นคนไทยและชาวไทใหญ่ สามารถติดตามตัวได้ทั้งหมด คาดว่าจะเข้าให้การได้อย่างช้าที่สุดไม่เกินสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ผู้รับเหมาฯ ยังยืนยันว่า คนงานไม่ได้ทิ้งงาน เพียงแต่ขณะนั้นทำงานเสร็จเร็วกว่ากำหนด
ส่วนผลการชันสูตรเบื้องต้น จากการพูดคุยกับแพทย์อย่างไม่เป็นทางการ ทำให้ทราบว่าโครงกระดูกผูู้เสียชีวิตไม่มีร่องรอยการแตกหัก หรือมีบาดแผล ชิ้นส่วนอื่น ๆ ตรวจสอบค่อนข้างลำบาก เพราะเสียชีวิตมาเป็นเวลานานเนื่องจากศพแช่อยู่ในน้ำจนเริ่มเน่าเปื่อย จึงต้องรอผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการ และผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุมาประกอบการพิจารณา จึงจะได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนมากขึ้่น
