เช้านี้ที่หมอชิต - นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โชว์หลักฐานเส้นทางการฟอกเงินขบวนการของนายตู้ห่าว พร้อมชูใบแดงเป่านกหวีดเรียกร้องให้ ผบ.ตร. เปลี่ยนตัว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หลังทำคดีไม่คืบหน้า ไม่ยอมแจ้งข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ออกมาแฉอีก เริ่มต้นด้วยการเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปลี่ยนตัวผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดยอ้างว่ามีเครือข่ายตำรวจที่ทำคดีนายตู้ห้าว และใกล้ชิดกับ พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ส่งพยานหลักฐานต่าง ๆ มาให้ หลังพบว่า พลตำรวจโท ธิติ ที่ไม่ยอมแจ้งข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินยาเสพติด และสั่งการให้ตำรวจทำสำนวนคดีอย่างหนักจนเกิดความเครียด จนพ่อแม่พามาพบนายชูวิทย์
พร้อมโชว์เครือข่ายเส้นทางการเงินของขบวนการนี้ โอนกลับไปกลับมามูลค่าหลายล้านบาท โดยบอกว่าหลักฐานนี้ มีความชัดเจนพอที่ตำรวจจะใช้ในการแจ้งข้อหาที่เกี่ยวกับการฟอกเงินได้ แต่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกลับไม่นำพยานหลักฐานเหล่านี้เข้าไปในสำนวนการสอบสวน และไม่นำพยานหลักฐานไปขอศาลออกหมายจับ หรือหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้อง แถมยังไม่มีการแจ้งข้อหา รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สน.ยานนาวา ในขณะนั้น ที่ปล่อยให้นำรถของกลางออกไปจากที่เกิดเหตุ
ในการแถลง นายชูวิทย์ ได้เป่านกหวีด พร้อมชูใบแดงไล่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกจากตำแหน่ง และท้าให้ไปสาบานด้วยกัน ยืนยันไม่กลัว หากผู้บัญชาการตำรวจนครบาลจะฟ้องกลับ ส่วนวันนี้นายชูวิทย์จะนำหลักฐานไปให้ปากคำกับคณะทำงานอัยการสูงสุด ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาคดีนายตู้ห่าว เป็นคดีนอกราชอาณาจักร
เรื่องนี้ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้ดำเนินคดีกับตำรวจที่เอี้อประโยชน์กับคดีนายตู้ห่าว แล้ว 3 นาย เป็นรองผู้กำกับจราจร สน.ลาดพร้าว, พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา และรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อนำเสนอต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
เช่นเดียวกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ถ้าพบการกระทำผิดก็ไม่มีการละเว้นเช่นกัน โดยยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการสอบสวนไม่มีวันหยุด ปีใหม่ก็ยังทำต่อเนื่อง ภายใต้กรอบเวลาการฝากขัง ซึ่งเป็นช่วงต้นเดือนมกราคม แต่ในส่วนของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ และเพื่อความเป็นเอกภาพ ตำรวจจะไม่ให้ข่าวเรื่องความคืบหน้า หรือแนวทางสอบสวนดำเนินคดี โดยมอบหมายให้โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเข้าใจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน