โฆษก ตร. เผย เร่งหาตัวผู้กระทำผิด ขโมยเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือ AED หลังถูกมือดีฉกไป 27 เครื่อง จากที่มี 262 จุดทั่ว กทม.
วันที่ 25 มกราคม 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษกตร.) กล่าวถึงกรณีเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ หรือ AED ที่ประจำตามจุดต่างๆ ทั่ว กทม.สูญหายไปจำนวนมาก ว่า เครื่อง AED ดังกล่าว ใช้สำหรับช่วยปฐมบาลผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับบริจาคจากสภากาชาดไทย จำนวน 262 เครื่อง มีการลงนาม MOU เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564
เบื้องต้น ตำรวจมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) รับไปดำเนินการ ปรากฏว่าตามจุดติดตั้ง 262 จุดทั่ว กทม. พบสูญหาย 27 จุด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการจัดการตามสัญญาการจัดซื้อของสภากาชาดไทย การติดตั้งยังไม่แล้วเสร็จ กรรมสิทธิ์ของเครื่อง AED ดังกล่าว จึงยังเป็นของบริษัทคู่สัญญาไม่ใช่ของ ตร. ล่าสุด พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ได้สั่งการให้ทุกท้องที่มีเหตุให้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและเร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดอย่างเร่งด่วนแล้ว
ด้าน นายแพทย์ธนดล โรจนศานติกุล หัวหน้าศูนย์กู้ชีพ ฝ่ายเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ให้ข้อมูลว่า จุดประสงค์หลักที่มอบเครื่อง AED ให้กับหน่วยงานต่างๆ ต้องการให้ติดตั้งในที่สาธารณะ เพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิต ของผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นฉับพลัน โดยในพื้นที่ กทม. ได้มอบให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตั้งตามสถานีตำรวจ และ ป้อมจราจรตามแยกต่างๆ ที่มีผู้คนจำนวนมาก เพราะ ตามหลักการ ต้องเป็นจุดที่เข้าถึงได้ง่าย ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ถูกล็อกกุญแจ ต้องไม่ถูกเก็บไว้ในสำนักงาน เพื่อให้ประชาชนทุกคน พร้อมหยิบไปใช้งาน ช่วยชีวิตผู้ป่วย ขณะนี้ติดตั้งแล้วเสร็จ 255 เครื่อง ราคาเรื่องละ 69,900 บาท และจากการศึกษา พบว่า คนไข้ที่หัวใจหยุดเต้นฉับพลัน ถ้ามีเครื่อง AED อยู่ในที่เกิดเหตุ มีโอกาสรอดชีวิตมากกว่า การที่รถพยาบาลไปถึง หรือ นำตัวผู้ป่วยมาที่โรงพยาบาล ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตัวคนร้ายที่ขโมยเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ ไปโพสต์ขายต่อในโซเชียลมีเดียได้แล้ว เบื้องต้นยอมรับว่า ขโมยจริง ทำมาแล้ว 6 เครื่อง และยังอ้างว่ากำลังจะนำเครื่องที่ขโมยไปคืน
