คอร์รัปชันไทย กัดกินถึงแกนหลัก "ชูวิทย์" ตัดพ้อผมคงแก่เกินไปสำหรับงานนี้ ส่วยพนันออนไลน์ มาเก๊า888 ตำรวจอักษรย่อ “ก” “ต” ส่วยกระทรวง “ท” อธิบดีนั่งนาน 19 เดือน ราคาต้องจ่าย 500 ล้าน "นอทกองสลากพลัส" ไม่เกินเดือนหน้าข่าวใหญ่พาดหัวทุกสื่อ
คอรัปชันฝังรากลึก วันนี้ (26 ม.ค.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดอักษรย่อมทุจริตรับส่วน เป็นข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่าเป็นหมายเหตุประเทศไทย 2566 ข้อความตอนหนึ่งระบุว่า หลายเรื่องราวผ่านมาจนถึงช่วงปลายของชีวิต แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เคยเปลี่ยนในประเทศไทยคือ “การส่งส่วย” ไม่ว่าพนันออนไลน์ที่ต้องส่งให้ตำรวจ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งสอบ มาเก๊า 888 หรือที่มีตำรวจชื่อย่อ “ก” กับ “ต” ที่ในวงการย่อมรู้ดีว่าหมายถึงใคร ส่วนประชาชนที่ไม่ทราบคงเดาออกว่า เกี่ยวข้องกับตำรวจแน่นอน เพราะเหมือน “ผีเน่ากับโลงผุ”
นายชูวิทย์ ระบุอีกว่า ต่อมาก็เป็นเรื่อง (รัฐมนตรี) รมต. ที่มีข้อตกลงกับ อธิบดี “ร” ให้มา 24 กุมภาพันธ์ 2565 อยู่ถึง เกษียณ 30 กันยายน 2566 รวม 19 เดือน ให้ส่ง รมต. + ปลัด = 19 เดือน ต้องจ่าย 500 ล้าน แต่ต้องเคลียร์ทุกสิ้นเดือน ส่วนอธิบดี “ร” แจ้ง ผอ. ทั้ง 21 สำนัก ต้องส่งทั้งหมด (รายเดือน, งบโครงการพิเศษ และค่าตำแหน่ง) ต้องจบกรกฎาคม (ก่อนเกษียณ 2 เดือน) จ่ายตรง ผอ. สำนัก อป. แล้วส่งต่อ เฮีย “ซ” (ซ้ง) เลขาฯ วีไอพี
ที่ซองเขียนว่า “วีไอพี 70%” มันชัดเจนมากว่าถึงใคร?“คำว่า ให้ความเป็นธรรม ผมได้รับฟังมาตั้งแต่วันรับราชการ แต่ผ่านมา 32 ปี ที่ผมรับราชการ ผมไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น และไม่เคยได้รับในระบบราชการเลยแม้สักครั้ง” ข้อความย่อหน้าบนเป็นการระบายความรู้สึกเจ็บช้ำของข้าราชการคนหนึ่งในกระทรวง “ท”
กรณีล่าสุด ก็ยังมีคนทำเสียชื่อประเทศไทย เพราะดันไปรับจ็อบนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน ที่ไม่ว่าหญิง หรือชายจีน มองประทศไทยเรา “มีเงินทำได้ทุกอย่าง” เร่งปฏิกิริยาของคนไทยในเรื่องทุนจีนสีเทา ที่มี “ตู้ห่าว” และเครือข่าย เดินขึ้นลงศาลในสภาพที่ขาดอิสรภาพ
นายชูวิทย์ ยังระบุถึงกรณีของ นอท กองสลากพลัส ที่ไม่เกินต้นเดือนหน้าคงได้เห็นข่าวใหญ่พาดหัวทุกสื่อ รวยน้อยหน่อย แต่อยู่นอกคุก หรือรวยมหาศาล แต่อยู่ในคุก เมื่อถึงทางสองแพร่ง ต้องเลือกเอาเอง ทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศนี้ที่เกี่ยวกับคอรัปชัน มันเกินเยียวยา มีความหลากหลาย และซับซ้อน
“คนต่างชาติเข้ามาลงทุนดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย สร้างเครือข่ายผลประโยชน์ โยงใยทั้งนักการเมือง และผู้มีอิทธิพล หรือเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง หลงลืมอุดมการณ์อันเป็นแกนหลักของสังคมที่มีผลกระทบต่อส่วนรวม โดยเพียงต้องการประโยชน์ส่วนตัว และพวกพ้อง มันเปรียบเสมือนการวิ่งของผม ที่วิ่งไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง เพราะการต่อสู้เรื่องคอร์รัปชันของไทย มันกัดกินไปถึงแกนหลัก ต่อให้มีผมหรือไม่มี ก็มีค่าไม่แตกต่างกัน รอให้ผมหายเหนื่อยก่อนกลับมาสู้ใหม่ ผมคงแก่เกินไปสำหรับงานนี้ ต้องหวังพึ่งคนรุ่นใหม่เสียแล้ว เพราะประเทศเป็นของเราทุกคน” นายชูวิทย์ระบุ
นายชูวิทย์ ระบุด้วยว่า หมู่นี้เจอใครก็มักบอกกับตนว่า “ไม่เกี่ยว ไม่เคยรับเงิน ไม่เคยได้อะไร” แหม.. ประเทศไทยช่างเจริญเสียจริงๆ ขอบันทึกไว้ พ.ศ. 2566 เป็น “หมายเหตุประเทศไทย”
