ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ "เฟด" ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หลังจากการประชุมตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มกราคม จนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดช่วงเช้ามืดวันนี้ในแดนบวก โดยเฟดปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก 0.25 เปอร์เซ็นต์ โดยมีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ว่า อัตราเงินเฟ้ออาจชะลอตัวลงภายหลังจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยนโยบายของเฟด แตะระดับสูงสุด นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2550 โดยเข้าสู่ 4.50 ถึง 4.75 เปอร์เซ็นต์ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดติดต่อกัน 8 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2565 ที่ผ่านมา โดยดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.25 ถึง 0.50 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ ธนาคารกลางสรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งอัตราเงินเฟ้อในเดือนมกราคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 6.5 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าที่เป้าหมายวางไว้ โดยวางไว้อยู่ที่ 2 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเผยว่า จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในภายหลังต่อไป ขณะที่ธนาคารลางยุโรป และธนาคารอังกฤษ มีแผนจะประกาศการขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในวันนี้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของเฟด เผยจะปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม ขณะเดียวกัน การปรับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว มีผลเสี่ยงสูงที่จะทำให้เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง และอาจทำให้อัตราจ้างงานลดลงตามไปด้วย
