ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบว่าภายในชุมชนมีการติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูง ที่พื้นมีสายสื่อสารจำนวนมากองอยู่กับพื้นและห้อยระโยงรยางยาวตลอดทางไปจนถึงหน้าบ้านของนางสาววรดาลักษณ์ (สงวนนามสกุล) ที่เปิดขายกาแฟ และอาหาร โดยสายสื่อสารห้อยต่ำ เจ้าของบ้านต้องมัดสายสื่อสาร และหาเศษไม้มาต่อกันค้ำยันสายสื่อสารเอาไว้เพื่อเข้าออกบ้าน ให้ลุกค้าเข้ามาซื้อของ โดยเขียนข้อความที่แผ่นกระดาษ มีข้อความ ว่า “เดือดร้อนอย่างมากขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานด่วนค่ะ ระวังสายไฟเกี่ยวคอ”
นางสาววราลักษณ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ประมาณ 3 วัน เกิดอุบัติเหตุมีรถบรรทุกเกี่ยสายไฟจนขาดทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่น ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้เข้ามาซ่อมแซมติดตั้งเสาไฟฟ้าและเดินสายไฟ พร้อมกับบริษัทที่ให้บริการสื่อสารมาติดตั้งสายสื่อสารใหม่ บางบริษัทยังไม่เข้ามาดำเนินการสายสื่อสารจึงทิ้งเอาไว้ กับสายสื่อสารเก่าที่ไม่ใช้แล้วก็ถูกทิ้งเอาไว้อย่างสภาพที่เห็น โทรร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือ และถูกตอบมาทางโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงไม่ดีและบอกว่า จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการเอง ทั้งๆที่บอกแล้วว่าสายสื่อสารที่ทิ้งเอาไว้ จะทำอย่างไร เจ้าหน้าที่บอกว่า สายไมได้ใช้แล้ว ตัดออกดึงออกได้เลย ตนเองมองว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะต้องมาตัดหรือดึงเอาสายสื่อสารออก จึงมัดรวมสายสื่อสารแล้วเอาเศษไม้เอาโต๊ะมาต่อกันค้ำสายสื่อสารเอาไว้ รอมาหลายวันยังไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานไหนมาแก้ไข ปล่อยทิ้งไว้ขายของไม่ได้เลยลูกค้าไม่กล้าจอดรถไม่กล้าเดินเข้ามาในร้าน กลัวว่าจะเป็นสายไฟฟ้า และสายสัญญาณที่ถูกกองไว้ก็มีตะปูทำให้รถจักรยานยนต์ ที่ขี่เข้าออกบ้านยางแตก เดือดร้อนอย่างมาก จึงขอฝากบอกผ่านสื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรับทราบของความเดือดร้อนชาวบ้านด้วย
