อาการหลังอดอาหาร “ตะวัน-แบม” อ่อนเพลีย เลือดเป็นกรด ค่าคีโตนสูง ปฏิเสธการรักษาด้วยน้ำเกลือที่มีส่วนผสมของน้ำตาล และเกลือแร่ที่ผิดปกติ แพทย์รพ.ธรรมศาสตร์ ต้องเพิ่มความถี่เฝ้าระวังระดับน้ำตาล
ความคืบหน้าอาการ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม ภายหลังขอถอนประกันตัวเอง พร้อมประกาศอดอาหารและน้ำ เพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัวผู้ต้องขังคดีการเมือง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ชี้แจงอาการป่วยของ น.ส.ทานตะวัน และ น.ส.อรวรรณ สรุปอาการป่วยของทั้งสองคนในวันที่ 5 ก.พ.66 ซึ่งเป็นวันที่ 13 ของการรักษาว่า น.ส.ทานตะวัน ยังคงไม่รับประทานอาหาร แต่จิบน้ำ ตื่นแต่โต้ตอบช้า อ่อนเพลียมากขึ้น ปากแห้ง พะอืดพะอมตลอดเวลา ยังมีเลือดออกตามไรฟัน ไม่มีเลือดออกผิดปกติ หรือจุดจ้ำเลือดออกที่บริเวณอื่น มีอาการแสบร้อนลิ้นปี่ มีลมในช่องท้อง นอนหลับแล้วตื่นกลางดึกหลับต่อไม่ได้ รู้สึกว่าการคิดและความจำลดลง มีความกังวลเรื่องปัญหาทางสุขภาพ จากอดอาหาร การตอบสนองทางอารมณ์ เหมาะสมกับเรื่องราวที่พูดคุย สัญญาณชีพอยู่ในกณฑ์ปกติ ระดับน้ำตาลในเลือด 50mg/dL มีภาวะเกลือแร่ต่ำหลายชนิด มีภาวะเลือดเป็นกรด ค่าคีโตนสูง ( serum ketone 6.05 mmol/ L) เนื่องจากภาวะอดอาหาร ปฏิเสธคำแนะนำเรื่องการดื่มน้ำผสมวิตามินซีเพื่อบรรเทาอาการเลือดออกตามไรฟัน ปฏิเสธการรักษาด้วยน้ำเกลือที่มีส่วนผสมของน้ำตาล และเกลือแร่ที่ผิดปกติ ทำให้ทีมผู้รักษาเพิ่มความถี่ในการตรวจติดตามระดับน้ำตาล และเฝ้าระวังอาการน้ำตาลต่ำอย่างใกล้ชิด
ส่วน น.ส.อรวรรณ ยังคงไม่รับประทานอาหาร แต่จิบน้ำ ตื่นรู้สึกตัวดี อ่อนเพลียมากขึ้น จนทำให้ต้องลดการเคลื่อนไหว เหนื่อย ใจเต้นเร็ว ปากแห้ง ไม่รับประทานอาหาร พะอึดพะอมเวลาจิบน้ำ แขนขาอ่อนแรง มีอาการแสบร้อนลิ้นปี มีลมในช่องท้อง หน้ามืดและเวียนศีรษะ นอนไม่หลับ สามารถตอบโต้ได้ มีความกังวล เรื่องปัญหาทางสุขภาพจากอดอาหาร การตอบสนองทางอารมณ์หมาะสมกับเรื่องราวที่พูดคุย สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ ระดับน้ำตาลในเลือด 61mg /dL มีภาวะเกลือแร่ต่ำหลายชนิด มีภาวการณ์แข็งตัวของเลือดผิดปกติ มีภาวะเลือดเป็นกรด ค่าคีโตนสูง ( serum ketone 6.06 mmol/L) เนื่องจากภาวะอดอาหาร ปฏิเสธการดื่มน้ำผสมเกลือแร่เพื่อลดภาวะเลือดเป็นกรค ตั้งแต่วันที่ 3/2/2566 จนถึงปัจจุบัน ปฏิเสธการรักษาด้วยน้ำเกลือที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและเกลือแร่ที่ผิดปกติ ทำให้ทีมผู้รักษาเพิ่มความถี่ ในการตรวจติดตามระดับน้ำตาลและเฝ้าระวังน้ำตาลอย่างไกล้ชิด
