นักท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัว แต่ใช้จ่ายลดลง

นักท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัว แต่ใช้จ่ายลดลง

View icon 253
วันที่ 7 ก.พ. 2566 | 15.08 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ปัจจุบันการท่องเที่ยวฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด ทุกประเทศต่างเปิดพรมแดนให้คนเดินทางระหว่างกันได้ รวมถึงแข่งกันออกนโยบายจูงใจชักชวนคนไปเที่ยวประเทศตัวเอง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หารายได้เข้าประเทศ วันนี้ #เศรษฐศาสตร์ตลาดสด จะสรุปสถานการณ์การท่องเที่ยวทั่วโลกในปัจจุบันให้ฟัง ว่าเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ ในปี 2565 การท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัวจากโควิด จำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศอยู่ที่ 900 ล้านคน คิดเป็น 2 เท่าของปี 2564 และอยู่ที่ระดับ 63% ของระดับก่อนมีโควิด โดยปีที่แล้วภูมิภาคที่นักท่องเที่ยวฟื้นตัวไวสุดได้แก่ตะวันออกกลาง จำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาอยู่ที่ระดับ 83% ของก่อนสถานการณ์โควิด ขณะที่ยุโรป นักท่องเที่ยวก็ฟื้นตัวดีเช่นกัน กลับมาอยู่ที่ 80% ของก่อนสถานการณ์โควิดแล้ว ขณะที่ภูมิภาคอเมริกาและแอฟริกา ปีที่แล้วนักท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาที่ 65% ของก่อนเกิดโควิด

ภูมิภาคที่ปีที่แล้ว ปริมาณนักท่องเที่ยวกลับมาน้อยสุดได้แก่ ภูมิภาคเอเชีย โดยมีนักท่องเที่ยวฟื้นตัวเพียงระดับ 23% เมื่อเทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด สาเหตุหลักมากจากปีก่อนจีนยังคงใช้มาตรการควบคุมโควิดระดับเข้มข้น หรือ Zero-Covid อยู่

ขณะที่เมื่อดูตัวเลขการโดยสารเครื่องบินและจองที่พักปีก่อน ก็พบว่าอยู่ในระดับสูง ตัวเลขการโดยสารเครื่องบินเส้นทางระหว่างประเทศช่วง ม.ค.-ส.ค. 2565 อยู่ที่ระดับ 62% ของปี 2561 หรือก่อนเกิดโควิด ขณะที่ตัวเลขการโดยสารเครื่องบินเส้นทางในประเทศระหว่าง ม.ค.-ส.ค. 2565 สูงถึงระดับ 86% ของปี 2561 เช่นเดียวกับการพุ่งขึ้นของอัตราการเข้าพักโรงแรม โดยอัตราการเข้าพักในโรงแรมทั่วโลกเพิ่นขึ้นจาก  43% ในเดือน ม.ค. 2565 เป็น 77% ใน ก.ย. 2565

แนวโน้มการท่องเที่ยวในปีนี้เป็นอย่างไร?

อ้างอิงผลสำรวจล่าสุดจาก United Nations World Tourism Organization หรือ UNWTO ซึ่งพึ่งเผยแพร่เมื่อกลาง ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่า

1. ปีนี้ตัวเลขการท่องเที่ยวโลกกลับมาใกล้เคียงก่อนเกิดโควิด เชื่อว่าจะฟื้นตัวมาที่ระดับ 80-95% ของตัวเลขก่อนสถานการณ์โควิดทีเดียว

2. ปัจจัยทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเงินเฟ้อที่ผลักต้นทุนให้การเดินทางท่องเที่ยวแพงขึ้น ทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรม ค่ากินอยู่ รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมที่ไม่แน่นอน และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยวปีนี้

3. ผลจากต้นทุนค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวที่แพงขึ้น ปีนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีแนวโน้มเน้นการท่องเที่ยวในประเทศ หรือการท่องเที่ยวต่างประเทศในระยะใกล้ เช่น ในภูมิภาคเดียวกันเป็นหลัก เพื่อไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปนัก

4. ภูมิภาคตะวันออกกลางและยุโรป เป็นภูมิภาคที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวไวสุด ทั้งนี้ประเมินว่าปริมาณการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเท่าระดับก่อนมีโควิดได้ภายในปีนี้เลย

5. ผลจากการที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในปีนี้แม้ต้องการท่องเที่ยว แต่ยังกังวลกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ดังนั้นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกว่าจะท่องเที่ยวที่ไหน พักหรือกินอยู่อย่างไร ความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายจึงเป็นปัจจัยสำคัญ

รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับผลสำรวจของนักท่องเที่ยวในหลายประเทศ เช่น ผลสำรวจของ European Travel Commission เมื่อเดือน ธ.ค. 2565 พบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวของชาวยุโรปส่วนใหญ่ในปี 2566 ว่าจะเที่ยวที่ใด ได้แก่ ราคาและความใกล้เป็นหลัก

เช่นเดียวกับรายงานของ Longwoods International ฉบับ ม.ค. 2566 ที่สำรวจพฤติกรรมชาวอเมริกัน พบว่า กว่าครึ่งของนักท่องเที่ยวอเมริกันให้ความสำคัญกับปัจจัยทางเศรษฐกิจ โดยความกังวลทางการเงินมีผลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวในระยะ 6 เดือนข้างหน้า และมากถึง 56% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า ราคาตั๋วเครื่องบินคือปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจท่องเที่ยว นอกจากนี้ผลสำรวจล่าสุดยังแสดงถึงความกังวลของนักท่องเที่ยวอเมริกันต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น โดยหากเทียบกับผลสำรวจเมื่อ ส.ค. 2565 พบว่าจำนวนผู้ตอบแบบสำรวจที่แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมีจำนวนมากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันจะกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่มากถึง 90% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่ามีแผนจะเดินทางท่องเที่ยวใน 6 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้จากผลสำรวจเดือน ธ.ค. 2565 ของ Longwoods International พบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันมากถึง 1 ใน 3 ตัดสินใจยกเลิกทริปที่วางแผนไว้เพราะสถานการณ์เงินเฟ้อและค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น

สถานการณ์การท่องเที่ยวทั่วโลกในปีนี้จึงกล่าวได้ว่า ดูดีกว่าปีก่อนมาก สอดรับกับ UNWTO Confidence Index ของเดือน ม.ค.-เม.ย. ปีนี้ ที่พบว่าอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

สำหรับผลกระทบจากการที่จีนเปิดประเทศต่อตลาดการท่องเที่ยวโลก UNWTO ระบุว่า จีนในฐานะประเทศที่ส่งออกนักท่องเที่ยวเดินทางต่างชาติมากสุดในโลก (ข้อมูล ณ ก่อนสถานการณ์โควิด) การผ่อนคลายมาตรการควบคุมของรัฐบาลจีนส่งผลดีโดยตรงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก โดยภูมิภาคที่ได้ประโยชน์มากสุดจากการที่คนจีนออกเดินทางท่องเที่ยวได้ คือ ภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน รวมถึงไทยด้วย

สำหรับโอกาสของการท่องเที่ยวไทยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ttb analytics ประเมินว่า ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนไทยมีโอกาสมากถึง 28 ล้านคน ช่วยสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 1.44 ล้านล้านบาท ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตมาจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดของรัฐบาลจีน และการปรับตัวของอุตสาหกรรมสายการบินทั่วโลกในการเพิ่มบริการเที่ยวบินให้เพียงพอต่อความต้องการเดินทางมากขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญตลอดปีที่ผ่านมา และคาดว่าทั้งปี 2566 มูลค่าการท่องเที่ยวไทยทั้งจากนักท่องเที่ยวไทยเองและนักท่องเที่ยวต่างชาติจะสูงถึง 2.25 ล้านล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 1.25 ล้านล้านบาท หรือขยายตัวกว่า 80% ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้าให้ปี 2566 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 ล้านคน จำนวนนักท่องเที่ยวไทย 250 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท คิดเป็น 80% ของปี 2562 หรือระดับก่อนมีสถานการณ์โควิด

ดังนั้น #เศรษฐศาสตร์ตลาดสด เห็นว่า สำหรับผู้ประกอบการหรือผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สามารถใช้ผลสำรวจดังกล่าวมาวางแนวนโยบายหรือกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาเที่ยวประเทศไทย ทั้งนี้เป็นที่แน่ชัดว่าปีนี้ประชากรทั่วโลกอยู่ในภาวะต้องการเดินทาง แต่จากสถานการณ์เศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวหลายภูมิภาค โดยเฉพาะจากยุโรปและอเมริกายังให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า มีแนวโน้มประหยัด ผู้ประกอบการจึงควรมีโปรโมชั่นจูงใจเพื่อช่วยให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจง่าย โดยอาจเปรียบเทียบให้เห็นความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ตลอดจนนำเสนอของแถมหรือสิ่งตอบแทนพิเศษเพื่อช่วยให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจง่ายขึ้น อย่างน้อยในระยะ 6 เดือนแรกของปีนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง